สิ่งที่ต้องเจอแน่ ๆ เมื่อคุณเป็น Trader เทรดเดอร์มือใหม่รู้ไว้ก่อนตัดสินใจเทรดเต็มเวลา

     อาชีพเทรดเดอร์ นับย้อนหลังกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว หากมีคนบอกว่าจะออกมาทำอาชีพเทรดเดอร์ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงไม่มีใครเห็นด้วยแน่ ๆ เพราะเป็นอาชีพที่ไม่มีคนรู้จัก ถึงแม้จะเคยได้ยินมาบ้างก็ยังรู้สึกว่ามีความเสี่ยงสูง ขาดความมั่นคงในอาชีพ เป็นต้น บทความและคลิปในวันนี้ พี่แดงจึงนำข้อมูลมาแชร์กันว่า ถ้าเราต้องตัดสินใจเป็นเทรดเดอร์ สิ่งที่เราจะต้องเจอแน่ ๆ คืออะไรบ้าง

     1.เรามองเห็นโอกาส แต่คนรอบข้างไม่เห็นด้วย เนื่องจากเราเป็นผู้หาข้อมูลเชิงลึกคนเดียว คนรอบข้างอาจจะเพียงแค่ได้ยินข่าวผิวเผินจากเหตุการณ์ที่ไม่ดีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว เช่น มีการหลอกลวงหรือไม่สามารถประกอบเป็นอาชีพจริงจังได้ก็ตาม

     ในคลิปพี่แดงได้ยกตัวอย่างการเทรด Forex ซึ่งในปัจจุบันการเทรดค่าเงิน สามารถเทรดได้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมี 3 ค่าเงินให้เทรด นั่นคือ USDTHB, EURUSD และ USDJPY หากกล่าวโดยพื้นฐานการดำเนินชีวิตของคนเรา ล้วนเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนเงินทั้งสิ้น โดยตัวอย่างที่พี่แดงยกมา ก็คือ การซื้อของนำเข้าส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการระวังเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินไว้ เพื่อไม่ให้เกิดความผันผวนของราคาต้นทุนจนเราควบคุมไม่ได้

     2.การล้างพอร์ต หรือเงินหมดพอร์ตนั่นเอง การล้างพอร์ตไม่น่ากลัว ถ้าทุกคนรู้ล่วงหน้าไว้อยู่แล้วว่า อย่างไรเสียเราก็ต้องล้างพอร์ตอย่างน้อยสัก 1-2 ครั้ง แน่นอน ดังนั้น วิธีการแก้ง่าย ๆ คือ ให้เราลงเงินใน 1-2 พอร์ตแรกเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นหรือประมาณ 10% ของเงินลงทุนทั้งหมดที่เราตั้งใจลงทุน นั่นหมายความว่า หากเราล้างพอร์ตไป 2 ครั้ง เท่ากับเงินลงทุนที่เราตั้งใจจะเทรดหายไป 20% นั่นเอง อย่างน้อยก็ยังเหลืออีก 80% สำหรับเทรดเพื่อสร้างผลตอบแทนคืนกลับมา

     ดังนั้น การล้างพอร์ตจึงไม่น่าตกใจ แต่เราต้องพัฒนาตัวเองต่อไปว่า ทำอย่างไรเราจึงจะพัฒนาจากล้างพอร์ต เปลี่ยนเป็นเทรดได้บ้างเสียบ้าง หลังจากนั้นก็กลายเป็นเทรดได้มากกว่าเทรดเสีย เริ่มได้กำไรบ้างเล็กน้อย จนกระทั่งสุดท้ายได้กำไรต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ

     3.มีเงินมากแค่ไหนก็ต้องเริ่มต้นเรียนรู้จากศูนย์ อย่าคิดเพียงว่า หากเรามีเงินทุนตั้งต้นที่สูง ต่อให้เทรดอย่างไร เราก็ไม่มีทางล้างพอร์ตได้ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด ยิ่งเรามีเงินทุนตั้งต้นที่สูง เราจะยิ่งใจใหญ่ อยากจะเปิดสัญญาที่ใหญ่ขึ้น เพื่อจะได้ทำกำไรมากขึ้นเมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์กับเงินต้น นั่นคือ ความผิดพลาด เพราะเรายังไม่มีการสะสมประสบการณ์ในการคิดหรือตัดสินใจมาก่อน เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องตัดสินใจอย่างเร่งด่วน เราจะทำได้ไม่ดีพอ และสุดท้ายเงินต้นที่มีมากก็ไม่ได้ช่วยอะไร

     4.ความโลภ เป็นสิ่งที่ต้องเจอกันทุกคน เจออยู่ภายในใจตัวเองเสียด้วย ไม่สามารถที่จะอธิบายออกมาเป็นตัวเลขได้ เช่น ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าต้องได้วันละเท่านี้ แต่วันนี้ยังได้ไม่ถึงก็เลยเกิดความโลภเปิดสัญญาใหญ่ขึ้น เพื่อจะหวังเคลียร์เป้าหมายให้จบภายในออเดอร์เดียว หรือกำลังอยากได้สินค้าอะไรบางอย่าง คิดว่าขอเปิดออเดอร์ไม้เดียวหนัก ๆ เลย เพื่อจะได้มีกำไรไปซื้อสินค้าชิ้นนั้น เห็นกราฟกำลังวิ่งขึ้น กลัวจะตกรถ ไม่ได้ทำกำไรจากกราฟที่วิ่งในครั้งนี้ไว้คุยกับคนอื่นบ้าง ก็เลยรีบเปิดออเดอร์ คิดว่าเก็บกำไรสั้น ๆ ก็พอ แต่การคิดจะเก็บกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนั้น กลับทำให้เราติดดอยแทน  เป็นต้น

     ในหัวข้อนี้ พี่แดงมีวิธีการจัดการความโลภของตัวเองอยู่ 5 วิธี ลองเข้าไปฟังในคลิปแบบละเอียดอีกทีนะครับ

     5.ความกลัว เมื่อมีความโลภก็มีความกลัวเป็นความรู้สึกคู่กันที่ต้องเกิดขึ้นแน่ ๆ สำหรับเทรดเดอร์ทุกคน ความโลภเกิดจากความอยากได้ ส่วนความกลัวเกิดจากความกลัวสูญเสีย แรก ๆ เทรดเดอร์มือใหม่อาจจะยังไม่เคยล้างพอร์ต จึงไม่มีความกลัวเกิดขึ้น มีแต่ความอยากรู้อยากเห็นและความโลภ แต่ทันทีที่เคยล้างพอร์ตแล้ว เริ่มเทรดเสีย ความกลัวในการเปิดออเดอร์ต่าง ๆ จะเริ่มสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่นั่นเป็นข้อดีนะครับ การเกิดความกลัวจะทำให้เราเฝ้าระวังมากขึ้นว่า เราควรจะเปิดออเดอร์ตอนนี้ดีหรือไม่ หรือควรรั้งรอไว้ก่อนหรือคิดตลอดเวลาว่าควรตั้งจุด Stop Loss ไว้บริเวณไหน

     ความกลัวแพ้ความมั่นใจ เพราะฉะนั้น เราจะต้องกลับไปค้นหาว่า ความผิดพลาดในอดีตเกิดจากอะไร เพื่อจะได้แก้ไขและสร้างความมั่นใจให้มากขึ้น ความกลัวจึงจะค่อย ๆ ลดลงไป

     6.วัฏจักรของ Trader เริ่มแรกเทรดเดอร์ไม่มีความรู้อะไรมากนัก เห็นกราฟไปทิศทางไหน ก็เปิดออเดอร์ไปตามทิศทางเดียวกันนั้น แล้วก็มักจะได้กำไร พอเริ่มเรียนรู้มากขึ้นกลับกลายเป็นกราฟกำลังวิ่งขึ้น แต่เราสับสนว่าควรจะตามต่อดีไหม เพราะเครื่องมือตัวที่เราใช้ มันคัดค้านกับกราฟที่วิ่งขึ้นในขณะนั้น ทำให้เกิดการพิจารณาที่มากขึ้นสับสนในความคิดมากขึ้น แล้วก็เริ่มต้นตามหาเครื่องมือเทพหรือเครื่องมือช่วยเทรด คาดหวังว่าจะเกิดความแม่นยำที่สูงขึ้น มองหาจอกศักดิ์สิทธิ์อยู่ตลอดเวลา 

     7.ปลดล็อคทางความคิด หากต้องการเป็นเทรดเดอร์ที่อยู่รอดต้องรู้จักการ Money Management ไม่โอเวอร์เทรดเพื่อหวังรวยเร็วเหมือนที่เคยเห็นคนโชว์พอร์ตกันหลาย ๆ คน ซึ่งบางครั้ง เราไม่สามารถรู้ได้ว่าจริงหรือไม่ ในทุก ๆ อาชีพ มีคนที่สำเร็จอยู่เพียงแค่ 10% เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดได้มาง่าย ๆ อย่างแน่นอน ทุกอย่างได้มาต้องมีการแลกอะไรบางอย่างออกไป อยากเป็นเทรดเดอร์ที่อยู่รอดก็ต้องแลกมาด้วยการฝึกฝนอย่างหนักเป็นระยะเวลานาน ผ่านการตัดสินใจบ่อย ๆ ทำให้เฉียบคม เป็นต้น