6 ข้อคิด ก่อนลาออกมาเป็น Full Time Trader อาชีพเทรดเดอร์ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง

     เทรดเดอร์เป็นอาชีพในฝันของใครหลาย ๆ คน เพียงแค่มีทักษะในการเทรดก็สามารถสร้างรายได้จากที่ใดก็ได้ มีเพียงโทรศัพท์มือถือหรือโน้ตบุ้คที่ต่ออินเตอร์เน็ตได้เท่านั้น อีกทั้งยังเห็นในโซเชียลมีเดียที่โชว์กันว่าเป็นเทรดเดอร์มีรายได้มากมาย อิสระทางด้านเวลาและสถานที่ แต่หากท่านใดที่ต้องการตัดสินใจลาออกมาเป็น Full Time Trader วันนี้พี่แดงมี 6 ข้อคิดฝากให้พิจารณาก่อนตัดสินใจครับ

     เชื่อว่าหลาย ๆ คนเห็นหน้าฟีด Social Media จะพบว่ามีคนแชร์โพสการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นในหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ เหรียญคริปโตหรือการลงทุนอื่น ๆ ทำไมคนเหล่านี้ทำเงินกันได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน ในขณะที่เราต้องปากกัดตีนถีบในการทำมาหากิน จึงทำให้หลายคนอยากลองเข้ามาศึกษาและอยากเป็นเทรดเดอร์บ้าง ก่อนที่จะลาออกมาเป็น Full Time Trader พี่แดงฝากข้อคิด 6 ข้อให้ลองพิจารณากันดูครับ

     1.อาชีพเทรดเดอร์ไม่ใช่งานสบายอย่างที่คิด ทุกอาชีพ ไม่มีงานไหนที่ได้เงินมาง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย อาชีพเทรดเดอร์ก็เช่นเดียวกัน ล้วนต้องศึกษาหาความรู้ อีกทั้งยังต้องติดตามข่าวสารและไวต่อสถานการณ์อยู่เสมอ นอกจากการอ่านข้อมูลแล้วยังต้องวิเคราะห์ข้อมูลให้เป็นและต้องกล้าตัดสินใจด้วยความรวดเร็วในระยะเวลาอันจำกัดอีกด้วย อาชีพนี้จึงต้องทนรับแรงกดดันได้สูง หากท่านใดที่ไม่สามารถรับแรงกดดันได้ จึงไม่สามารถทำอาชีพนี้ได้เช่นกัน

     2.รู้ตัวเองว่าเราทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้ เช่น นักลงทุนที่ไปลงคอร์สเรียนเทรดสั้น เก็บกำไรสั้น ๆ แต่ปรากฏว่าตนเองนั้นทำงานประจำ ต้องประชุมอยู่ตลอดเวลาหรือเป็นเซลล์ที่ต้องออกเดินทางไปข้างนอก ไม่มีเวลาดูหน้าจอมือถือ หากเป็นเช่นนี้ก็แสดงว่า ต่อให้เรารู้เรื่องการเทรด แต่เราก็ไม่สามารถที่จะเทรดได้ หรือ อ่านหนังสือของวอร์เรน บัฟเฟตไว้ค่อนข้างเยอะ ตั้งใจจะเป็นนักลงทุน แต่พออยู่ในกลุ่มที่เพื่อน ๆ แต่ละคนเทรดแบบเก็งกำไร มีเงินเข้ากระเป๋าทุกวัน ความรู้ที่เราอ่านมาก็เลยไม่สามารถนำมาใช้ทางด้านสายเทคนิคได้เลย เป็นต้น

     3.คนรอบข้างและคนใกล้ชิดควรเข้าใจและสนับสนุน คนรอบข้างควรเข้าใจในเนื้องานและวิธีการทำงานในแต่ละวัน ไม่ใช่เห็นว่าเรานั่งอยู่หน้าจอไม่ได้ทำอะไร นึกว่าว่างงาน คอยใช้ให้เราไปทำธุระแทน เป็นต้น เทรดเดอร์ทำงานอยู่หน้าจอเปรียบเหมือนทำงานประจำอีกอาชีพหนึ่ง นอกจากนั้น ตัวของเทรดเดอร์เองก็ต้องพิสูจน์ให้กับคนรอบข้างเห็นว่า เราทำงานแล้วได้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร อธิบายเนื้องานให้คนรอบข้างเข้าใจอย่างชัดเจนด้วย

     4.จัดสรรการเงินด้วยการสำรองค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 1-2 ปี หากเป็นอาชีพอื่นอาจจัดสรรเงินสำรองเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น เพราะสามารถหางานใหม่ทำได้ แต่ถ้าเป็นเทรดเดอร์และต้องการจะเป็นเทรดเดอร์ในอนาคตแบบจริงจัง บางครั้งตลาดมันไม่ได้วิ่งอย่างที่เราต้องการ การสำรองค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 1-2 ปี จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะนอกจากจะรองรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแล้ว ยังทำให้จิตใจของเทรดเดอร์นิ่งขึ้นด้วย ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน และหากเป็นไปได้ ควรเคลียร์หนี้สินประจำที่เกิดขึ้นก่อนลาออกมาเป็นเทรดเดอร์ด้วย เช่น หนี้บ้าน หนี้รถยนต์ ควรปิดยอดหนี้สินให้หมดยิ่งดี ทำให้จิตใจมั่นคงเวลาเทรดมากขึ้น

     5.อย่าเพิ่งรีบให้รางวัลตัวเองด้วยของรางวัลชิ้นใหญ่ เทรดเดอร์บางท่าน เมื่อเทรดได้กำไรเป็นเงินก้อนใหญ่ คิดว่าการเทรดไม่ยาก ตัดสินใจซื้อบ้าน ซื้อรถแบบผ่อน ก่อหนี้สินโดยที่เรายังไม่รู้อนาคตข้างหน้า เราเพิ่งเริ่มต้นเทรด ยังไม่ผ่านเหตุการณ์หลาย ๆ รูปแบบที่คาดเดาไม่ได้ในอนาคต ควรเก็บสถิติการเทรดให้ได้สัก 1-2 ปีก่อน หลังจากนั้นค่อยให้รางวัลชิ้นใหญ่กับตัวเองก็ยังไม่สาย แต่ในระหว่างทาง หากเราเทรดได้กำไร อย่าลืมให้รางวัลตัวเองบ้าง เพียงแต่เป็นรางวัลที่ไม่มีภาระผูกพันต่อไปในอนาคต

     6.มีการลงทุนอื่น ๆ อีกมากมายนอกเหนือจากการเทรด เราสามารถลงทุนในธุรกิจก็สามารถสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำได้ เพราะในทุก ๆ อาชีพจะมีแก่นของอาชีพนั้น ๆ หากเราค้นหาแก่นจนเจอ มีวินัย ศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ พี่แดงเชื่อว่า ต่อให้ทำธุรกิจใด ๆ ก็ตาม จะสามารถสำเร็จเป็น 10% ที่สำเร็จของธุรกิจนั้น ๆ ได้แน่นอน นอกจากการทำธุรกิจแล้ว การลงทุนอื่น ๆ เช่น ลงทุนในกองทุนรวม ลงทุนในพันธบัตร หุ้นกู้ ทองคำ สลากออมสินหรืออื่น ๆ ล้วนสร้างผลตอบแทนได้เช่นเดียวกัน ดีไม่ดี การลงทุนบางประเภท อาจสร้างผลกำไรได้มากกว่าที่เราเทรดเองเสียด้วยซ้ำไป