แนวคิดการเทรดเน้น Win Rate หรือเน้น Risk Reward Ratio เทรดแบบไหนดีกว่ากัน เทรดให้ได้กำไรอย่างยั่งยืน

     มีอัตราส่วนความสำเร็จที่เกี่ยวข้องกับการเทรดอยู่ 2 คำที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ นั่นคือ Win Rate และ Risk Reward Ratio ซึ่งอัตราส่วนทั้งสองนี้ มักจะถกเถียงกันอยู่เสมอว่า อัตราส่วนใดที่เป็นส่วนประกอบในความสำเร็จกันแน่ พี่แดงจึงมาแจกแจงในความคิดและมุมมองส่วนตัวให้ฟังกันครับ 

     สำหรับเทรดเดอร์น้องใหม่อาจจะเคยได้ยินมาว่า เวลามีคนนำผลงานมาโชว์ มักจะโชว์ด้วยอัตราส่วน Win Rate หรืออัตราการเทรดชนะ ยิ่งมีเปอร์เซ็นต์การเทรดที่แม่นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เทรดเดอร์น้องใหม่อยากที่จะเทรดให้ได้แบบนั้น มองว่านี่สิของจริง เทรดแม่นเหมือนจับวาง

     แต่เมื่อเทรดไปนาน ๆ จะได้ยินในคำว่า Money Management ซึ่งหนึ่งในวิธีการของ Money Management ก็คือ Risk Reward Ratio เป็นอัตราส่วนของการเทรดชนะมากกว่าอัตราส่วนของการเทรดแพ้ จะทำให้เทรดเดอร์สามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว หรือกล่าวง่าย ๆ ก็คือ ถ้าแพ้ต้องแพ้แค่ 1 ส่วน แต่เวลาชนะต้องชนะ 2 ส่วนขึ้นไป

     บทความและความคิดในคลิปนี้ พี่แดงจึงมาแจกแจงให้ฟังว่า ไม่จำเป็นเสมอไป ขึ้นอยู่กับรูปแบบหรือสไตล์การเทรดของเทรดเดอร์แต่ละท่านมากกว่า หากเป็นเทรดเดอร์ที่เน้นเก็บสั้น ๆ เราจำเป็นต้องมี Win Rate ที่สูง หรือหากเป็นเทรดเดอร์ที่รู้ว่าตนเองมีจังหวะเข้าที่ไม่แม่นเราก็ควรที่จะมี Risk Reward Ratio สูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะมี Risk Reward Ratio สูงได้ เราอาจต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบในการเทรดด้วยเช่นกัน จะมาเทรดด้วยแนว Breakout trendline หรือเทรดตามเทรนด์ โอกาสที่ Risk Reward Ratio จะได้อัตราส่วนที่สูงนั้นก็ค่อนข้างน้อย จึงต้องหันมาเทรดในแนวสวิงเทรดหรือแนวรับแนวต้านแทน ซึ่งจะทำให้ Win Rate ของเราลดลง

     ในคลิปนี้ จึงมีการแจกแจงเป็นตารางให้ดูว่า เราจำเป็นต้องเก็บสถิติในการเทรดของตนเองให้รู้ก่อน เพื่อจะได้รู้ว่า Win Rate ของเราอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์ Risk Reward Ratio ของเราอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วจึงค่อยมาจัดสรรหรือหาระบบรูปแบบการเทรดอีกทีหนึ่ง

     ดังนั้น คำกล่าวที่ว่า ถ้าอยากเทรดได้รอดในระยะยาว เราควรที่จะมี Risk Reward Ratio ที่ถูกต้องนั้น จากคลิปนี้ พี่แดงแจกแจงให้ดูว่าไม่จำเป็นเสมอไป บางครั้งถ้าเรามี Win Rate ที่สูงมากจริง ๆ เราสามารถที่จะลดทอนอัตราส่วนในการแพ้ให้น้อยลงได้ จึงเป็นที่มาของเทรดเดอร์สาย Scalping หรือการเก็บสั้น ๆ เกิดขึ้นนั่นเอง เพราะถ้าหากอัตราส่วน Risk Reward Ratio ถูกต้องเพียงอย่างเดียว เราคงไม่มีเทรดเดอร์ที่เน้นเก็บสั้นแล้วอยู่รอดได้ในตลาดให้เห็นกันแน่นอนครับ