เทรด TFEX เสี่ยงมากกว่าเทรดหุ้น จริงหรือไม่? Leverage คืออะไร อัตราทดช่วยในการเทรดอย่างไร

     ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ TFEX ที่มักจะมีคนบอกว่า การเทรด TFEX มีความเสี่ยงมากกว่าหุ้น ซึ่งโดยส่วนตัวของพี่แดงนั้น เทรดทั้งหุ้นและ TFEX และความชอบส่วนตัวโน้มเอียงมาทาง TFEX เสียด้วยซ้ำ จึงอยากจะมาแชร์อีกหนึ่งมุมคิดของตัวเองว่า เพราะเหตุใดจึงชอบเทรด TFEX และ Single Stock Futures มากกว่าหุ้น มันมีสเน่ห์ตรงไหน ลองติดตามรับชมกันครับ

     แน่นอนว่า โดยปกติแล้ว หากลองย้อนถามนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ทั่วไป โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อต้องก้าวขาเข้าสู่เส้นทางของเทรดเดอร์หรือนักลงทุน มักเข้ามาหรือรู้จักหุ้นก่อนเป็นอันดับแรก เพราะตลาดหุ้นอยู่กับคนไทยเราเป็นระยะเวลานานมากแล้ว เป็นการลงทุนที่เข้าใจง่ายกว่าคริปโตหรือแม้กระทั่งสินค้าอนุพันธ์อื่น ๆ แต่การลงทุนในหุ้นนั้น ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก เปรียบเสมือนว่าเราเป็นหุ้นส่วนของกิจการนั้น ๆ กว่าจะได้รับผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจก็ต้องอาศัยระยะเวลาที่ยาวนาน จึงเกิดผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ ตามออกมาอีกมากมาย

     หนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นตามมา คือ อนุพันธ์หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า TFEX นั่นเอง ตลาดหุ้นไทยเราไม่ได้มีบริษัทที่จะสามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดดเหมือนดั่งประเทศอเมริกา บริษัทส่วนใหญ่ที่อยู่ในตลาดหุ้นไทยเรานั้น เป็นบริษัทดั้งเดิมมีการเติบโตอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หวือหวา ดังนั้น การคาดหวังว่าหุ้นจะโตขึ้นเป็นเด้ง เป็นสิบเด้ง เหมือนในอดีตคงจะเป็นไปได้ยาก ครั้นจะลงในหุ้นตัวเล็ก ๆ ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดก็จะมีความเสี่ยงสูงไปสักหน่อย พี่แดงจึงมาลงตัวที่การเทรดสินค้าอนุพันธ์แทนนั่นเองครับ


     TFEX หลัก ๆ ที่เทรดจะเป็นดัชนี SET50 และ Single Stock Futures เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เทรดเดอร์อย่างเราสามารถซื้อขึ้นก็ได้ ซื้อลงก็ได้ จึงเหมาะสำหรับเทรดเดอร์เป็นอย่างมาก และด้วยความที่สินค้าเป็นอนุพันธ์จึงมีการใช้ Leverage หรืออัตราทดร่วมด้วย เพื่อให้การทำกำไรหรือขาดทุนเพิ่มมากขึ้น เพื่อชดเชยจากการขยับตัวที่น้อยของตลาด

     แต่การที่เทรดเดอร์จะหันมาเทรด TFEX นั้น จำเป็นจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมและต้องรักษาวินัยในการเทรดเป็นอย่างมาก กับดักที่มักจะล่อให้เกิดความผิดพลาดมักจะเป็นเรื่องของการโอเวอร์เทรดเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตรงนั้นต้องแก้ไขที่ตัวเอง ส่วนเรื่องระบบหรือเงื่อนไขต่าง ๆ เป็นเพียงแค่เรื่องปลีกย่อยเท่านั้น และที่สำคัญ เทรดเดอร์ควรที่จะต้องมีการเก็บสถิติการเทรดของตนเองมาก่อนหน้า เพื่อที่จะได้รู้ว่า ตนเองนั้นมีความแม่นยำในการเข้าออเดอร์มากแค่ไหน หรือเป็นคนที่เทรดสไตล์แบบไหน เพื่อที่จะได้นำไปประยุกต์ใช้งานได้ตรงตามจริตของตัวเองให้มากที่สุดนั่นเองครับ