เทคนิคการสร้างแบรนด์ เริ่มต้นธุรกิจใหม่ ตั้งชื่อร้านให้จดจำง่าย ยอดขายดี 

     ท่านที่กำลังคิดจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ไม่ควรมองข้ามเรื่องของการตั้งชื่อร้านโดยเด็ดขาด เพราะชื่อร้านหรือแบรนด์จะทำให้ลูกค้าสามารถจดจำและรู้ได้ทันทีว่า ธุรกิจของคุณทำอะไรหรือขายสินค้าอะไร หากชื่อร้านหรือชื่อแบรนด์โดดเด่นและจดจำได้ง่าย จะทำให้ลูกค้านึกถึงร้านของคุณได้ไม่ยากครับ

     สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาไอเดียในการตั้งชื่อร้านหรือชื่อธุรกิจของคุณ บทความในวันนี้มีไอเดียเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการตั้งชื่อร้านมาฝากกันครับ

     1.ชื่อควรมีความหมายที่ดี สิ่งแรกที่จำเป็นต้องนึกถึงเวลาที่จะตั้งชื่อธุรกิจหรือชื่อแบรนด์ คือ ชื่อควรจะมีความหมายที่ดี เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ร้านค้าหรือธุรกิจ ชื่อที่ดีมีผลต่อร้านของคุณเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการแสดงจุดยืน หรือภาพลักษณ์ของร้าน ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังหลาย ๆ คนมักจะมองหาร้านที่ชื่อร้านสื่อความหมายดี ๆ  จนนำมาสู่การเลือกซื้อสินค้าและการตัดสินใจซื้อในที่สุด ยกตัวอย่าง เช่น ร้านดอกไม้ตั้งชื่อว่า "โอลิเวีย ที่แปลว่าสัญลักษณ์แห่งความสงบสุข" "ร้านเศรษฐีเรือทอง" เป็นต้น หรือที่เรียกว่า ชื่อดีมีชัยไปกว่าครึ่งนั่นเองครับ

     2.ชื่อต้องสะกดง่ายและออกเสียงได้ไม่ยาก เมื่อเราได้ชื่อที่มีความหมายดี ๆ แล้ว สิ่งต่อมาที่ควรคำนึงถึง คือ ชื่อนั้นเขียนอย่างไร สะกดยากไหม การออกเสียงจะเป็นอุปสรรคต่อลูกค้าหรือไม่ ควรเป็นชื่อที่สะกดและออกเสียงเรียกได้ง่าย ไม่กำกวมจนอาจทำให้อ่านผิดหรือเขียนผิดได้ง่าย จะช่วยทำให้ลูกค้าจดจำได้เร็วและไม่ลืม หากตั้งชื่อร้านหรือแบรนด์ที่สะกดยากหรืออ่านยากจนเกินไป อาจทำให้ลูกค้าไม่กล้าที่จะออกเสียง เพราะกลัวจะเรียกชื่อร้านผิด เมื่อขาดความมั่นใจก็ส่งผลให้ ไม่กล้าที่จะบอกต่อให้กับเพื่อนหรือคนรู้จักนั่นเอง

     3.ชื่อต้องไม่ยาวและหลีกเลี่ยงอักษรย่อต่าง ๆ การตั้งชื่อร้านหรือแบรนด์ด้วยการใช้ชื่อย่อนั้น เป็นชื่อที่สั้น ทำให้ง่ายต่อการโฆษณาและการสื่อสารก็จริง แต่หากเราเป็นบริษัทเล็ก ๆ หรือกิจการที่เพิ่งเริ่มต้น การใช้ชื่อย่อจะทำให้ลูกค้าไม่ทราบว่าคุณกำลังทำธุรกิจอะไรอยู่ ต้องยอมรับว่า ธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจขนาดกลาง อาจยังไม่มีงบการตลาดมากพอที่จะประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าเข้าใจในความหมายของชื่อย่อที่ตั้งนั้น ดังนั้น แนะนำให้ใช้ชื่อเต็มที่ไม่ยาวจนเกินไปจะดีกว่า เพื่อให้ลูกค้าจดจำและเข้าใจความหมายได้ไม่ยากและสามารถสื่อสารถึงกิจการที่เราดำเนินการอยู่ได้ง่าย ๆ จึงจะดีกว่า

     4.ชื่อของธุรกิจควรโดดเด่น สะดุดตาและตรงกับภาพลักษณ์ที่ต้องการสื่อสาร ชื่อร้านหรือชื่อแบรนด์ควรมีความโดดเด่น สะดุดตา เพื่อให้ลูกค้าจดจำได้ง่าย เพราะมีคู่แข่งจำนวนมากที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกันกับคุณอยู่ การทำให้ชื่อร้านดูโดดเด่นหรือสะดุดตา จะช่วยดึงความสนใจของผู้มุ่งหวังที่กำลังมองหาสินค้าหรือบริการอยู่ มองมาที่ร้านของคุณได้ นอกจากจะโดดเด่น สะดุดตาแล้ว ยังต้องตั้งชื่อร้านให้ตรงกับภาพลักษณ์หรือคอนเซ็ปต์ของร้านด้วย ก็จะยิ่งทำให้ลูกค้าจดจำร้านของคุณได้ง่ายยิ่งขึ้นเข้าไปอีก เช่น ร้านกาแฟที่ใช้ชื่อสุดเก๋ว่า "ตาสว่างกาแฟสด" "ร้านแอร์หิมาลัย" เป็นต้น

     5.ชื่อร้านไม่ควรซ้ำหรือใกล้เคียงกับชื่อของใคร เพราะชื่อร้านที่เหมือนกันหรือคล้ายกันมาก จะทำให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจผิด สับสนในการเรียกชื่อร้านก็เป็นได้ และหากชื่อร้านที่ตั้งนั้นใกล้เคียงกับร้านดังแล้วยังมีรูปแบบธุรกิจที่คล้ายกันด้วย จะทำให้ผู้มุ่งหวังมองเราเป็นของลอกเลียนแบบได้ นอกจาก นั้นยังอาจทำให้เกิดปัญหาระหว่างเจ้าของธุรกิจด้วยกันเองอีกด้วยครับ

     6.ตั้งชื่อร้านหรือแบรนด์เผื่ออนาคตข้างหน้าด้วย ไม่ควรตั้งชื่อร้านหรือแบรนด์แบบเฉพาะเจาะจง เช่น ไม่ตั้งชื่อร้านตามทำเลที่ตั้ง ถึงแม้ว่า จะเป็นวิธีการที่ทำให้ลูกค้าจดจำร้านของคุณได้ง่าย แต่ข้อเสีย คือ การตั้งชื่อร้านตามสถานที่ตั้งนั้น ทำให้เป็นข้อจำกัดในอนาคต หากต้องการขยายสาขาหรือย้ายทำเล หรือแม้กระทั่ง จะเปิดขายแฟรนไชส์ ก็จะทำให้ชื่อร้านที่เป็นชื่อของทำเลที่ตั้งกลายเป็นปัญหาในอนาคตได้ เช่น บางเขนเครื่องใช้ไฟฟ้า พระโขนงซักอบรีด เป็นต้น

     7.ชื่อร้านหรือแบรนด์ที่ตั้งควรง่ายต่อการออกแบบโลโก้ เพราะโลโก้ของร้านหรือโลโก้แบรนด์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณต้องให้ความสำคัญ การออกแบบโลโก้ให้สวยงามนั้น ชื่อร้านต้องไม่ยาวจนเกินไป จึงจะสามารถดึงดูดให้ลูกค้าสนใจและจดจำได้ง่าย เพราะโลโก้ต้องอยู่บนป้ายของสินค้าหรือบนบรรจุภัณฑ์แทบจะทุกชิ้น ดังนั้น การตั้งชื่อร้านหรือชื่อแบรนด์ จึงควรคำนึงว่ามีโอกาสเกิดปัญหาต่อการออกแบบโลโก้ร้านด้วยหรือไม่

     สุดท้ายแล้ว หากผู้ประกอบการท่านใดตั้งชื่อร้านจนได้ชื่อเป็นที่พอใจแล้ว อย่าลืมไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ากับกรมทรัพย์สินทางปัญญาไว้ด้วยนะครับ เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบหรือการนำชื่อร้านไปใช้ในทางที่ผิดกันด้วยครับ