เจาะลึกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์คืออะไร สร้างรายได้ Passive Income ง่าย ๆ ด้วยเงินทุนก้อนเล็ก
ความฝันของใครหลาย ๆ คนที่ต้องการจะมีตึกสูง ๆ หรือออฟฟิศ สำนักงานให้คนเช่า คอยเก็บเงินค่าเช่าเหมือนเสือนอนกิน ไม่ต้องทำงานหนักอีกต่อไป ยังคงมีรายได้เข้ามาเป็นประจำทุกเดือนสม่ำเสมอ แต่พอนึกถึงเงินลงทุนตั้งต้น ค่าก่อสร้าง ค่าบริหารจัดการต่าง ๆ เซลล์ที่ต้องออกไปหาลูกค้ามาเช่า คิดแล้วก็คงปวดหัวอยู่ไม่น้อยและความฝันก็คงไม่ได้เป็นจริงแบบง่าย ๆ อย่างแน่นอน
จะดีกว่าไหม หากมีหนทางที่ทำให้เราเป็นเจ้าของตึกสูงหรืออสังหาริมทรัพย์ทำเลดี ๆ ปล่อยเช่าได้ง่าย ๆ ด้วยเงินลงทุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เราก็จะกลายเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์สินที่สร้าง Passive Income ให้กับตัวเอง นั่นคือ การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นั่นเองครับ
การลงทุนที่ใคร ๆ ต่างนึกถึง ส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการลงทุนในหุ้นหรือตราสารทางการเงิน นอกจากนั้น การลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์แล้วปล่อยให้เช่าก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่นิยมมากด้วยเช่นกัน เพียงแต่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก แต่เมื่อลงทุนได้แล้วก็เปรียบเสมือนเสือนอนกิน เพราะมีรายรับเข้ามาค่อนข้างสม่ำเสมอ ไม่หวือหวาขึ้นลงเหมือนหุ้น จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างเสถียร เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบการขยับของราคาที่มากเกินไปและต้องการรับเงินปันผลสม่ำเสมอ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มีลักษณะคล้ายกับกองทุนรวมทั่วไป เพียงแต่สินค้าที่ลงจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ อาคารพาณิชย์ สำนักงานให้เช่า โกดัง เป็นต้น
การลงทุนลักษณะนี้ ผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องไปบริหารจัดการด้วยตัวเอง เพราะจะมีบริษัทที่ดูแลจัดสรรหาคนเช่า บริหารงานต่าง ๆ ให้ นักลงทุนเพียงแค่ลงทุนในกองทุนที่เลือกแล้วรอรับเงินปันผลจากการดำเนินงานเท่านั้นเอง และข้อดีที่สุดของการลงทุนลักษณะนี้ คือ สภาพคล่องสูง หากนักลงทุนต้องการที่จะขาย สามารถทำการซื้อขายได้ในกระดานหุ้นเหมือนกับซื้อขายหุ้นตัวหนึ่งเลยนั่นเอง
ในคลิปพี่แดงได้เล่าถึงวิกฤตต้มยำกุ้งให้ฟังบ้างเล็กน้อย
เผื่อน้อง ๆ รุ่นหลังนึกภาพไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงนั้น
จำได้ว่าช่วงนั้นพี่แดงเรียนจบออกมาพอดี งานหายาก
เนื่องจากวิกฤตต้มยำกุ้งนี่แหล่ะครับ
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
- กองทุนที่ถือครองกรรมสิทธิ์ (Freehold)
- กองทุนที่ถือครองสิทธิการเช่า (Leasehold)
ทั้งสองประเภทต่างก็มีจุดเด่นและจุดด้อย
นักลงทุนควรเลือกลงทุนที่เหมาะกับรูปแบบของตนเอง
อย่ามองเพียงแค่เปอร์เซ็นต์ของผลตอบแทนเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น
และหากนักลงทุนเป็นเทรดเดอร์ที่สามารถมองกราฟเป็นด้วย
ก็จะหาจังหวะในการเข้าลงทุน
เพื่อให้ได้จุดซื้อที่ได้เปรียบง่ายมากขึ้นด้วยครับ
0 ความคิดเห็น