นักศึกษาจบใหม่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน อยากมีเงินออม ต้องเริ่มต้นอย่างไร

     คนทุกคนล้วนต้องการหลุดพ้นจากกับดักความยากจน ต้องการมีความสุขในการใช้ชีวิต ดังนั้น เราจึงควรเริ่มต้นวางแผนการใช้ชีวิตด้วยการวางแผนทางด้านการเงินเป็นอันดับแรก ถึงแม้ว่า ไม่ใช่ทุกปัญหาจะสามารถแก้ไขได้ด้วยเงิน แต่ปัญหาส่วนใหญ่ต้องใช้เงินในการแก้ไข บรรเทาจากหนักให้เป็นเบาได้ ดังนั้น เราจึงควรจัดการกับเงินที่ได้รับมา ว่าจะทำอย่างไรกับรายได้ที่ได้รับมาได้บ้าง

     จริง ๆ แล้ว ปัจจัยสำคัญในชีวิตมนุษย์ ประกอบไปด้วยปัจจัย 4 คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรค แต่ทุกสิ่งที่พูดมา ล้วนต้องอาศัยเงินทั้งสิ้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่เราจะต้องทำงานเพื่อหารายได้ เพื่อให้มีเงินเก็บ เงินออม และนำไปตอบสนองต่อความต้องการปัจจัยพื้นฐานนั้น

     ในอดีต ยุคหิน ยุคโบราณ ปัจจัย 4 ทั้งหลายนั้น ใช้หยาดเหงื่อ แรงกายตนเองไปแลก ที่อยู่อาศัยก็สร้างเอง อาหารก็ออกไปล่าสัตว์เอง แต่ในปัจจุบัน มนุษย์มีวิวัฒนาการและการปรับตัว มนุษย์เริ่มทำในสิ่งที่ตนเองถนัด โดยไม่จำเป็นต้องออกแรงเองไปทุกอย่าง และใช้วัตถุสื่อกลางเล็ก ๆ ที่เรียกว่า เงิน ในการแลกเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ เพื่อมาสนองความต้องการของตนแทน

     จนถึงยุคปัจจุบัน นักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ ส่วนใหญ๋มักจะเริ่มต้นด้วยการทำงานกินเงินเดือนก่อน โดยวุฒิการศึกษาปริญญาตรีจะได้รับเงินเดือนขั้นต่ำที่ประมาณ 15,000 บาท หากเราต้องการจะเป็นคนที่มั่นคงและมั่งคั่งในอนาคต เราควรจะจัดการกับเงินก้อนนี้อย่างไรดี

     เราอาจจะมีคำถามในใจว่า เงินเดือน 15,000 บาทของเรานั้น มันน้อยมาก ๆ แทบจะไม่เพียงพอต่อรายจ่ายในปัจจุบันนี้ได้เลย เราจะกลายเป็นคนรวยในอนาคตได้อย่างไร

     ก่อนอื่น ให้เราคิดเสมอว่า เราได้มีหนี้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งหนี้ก้อนแรก ก็คือ หนี้ตัวเราเอง ง่าย ๆ ก็คือ หักรายได้ที่ได้รับก้อนนั้นออกก่อนเลยที่ 10% เพื่อเก็บไว้สำหรับตัวเราเองในอนาคต ดังนั้น รายรับ 15,000 บาท หักออก 10% คือ หักเก็บไว้ก่อนเลย 1,500 บาท ไปใช้หนี้ให้ตัวเอง(ในอนาคต)ก่อน เงินก้อนนี้ให้เรานำไปฝากบัญชีธนาคารไว้ก่อน เก็บให้ได้จำนวนที่มากพอ แล้วค่อยคิดว่าจะนำไปบริหารจัดการอย่างไรให้งอกเงยเพิ่มขึ้น

รายรับ - เงินออม(เพื่อตัวเองในอนาคต) = รายจ่าย

     หลังจากนั้น บริหารเงินส่วนที่เหลืออีก 13,500 บาท ง่าย ๆ ด้วยการแบ่งเงินที่เหลือออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกใช้เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย ค่าเดินทาง ค่าผ่อนสินค้าต่าง ๆ ให้อยู่ในเงินส่วนนี้ โดยอยู่ที่ประมาณ 70-80% ของ 13,500 คือ ใช้จ่ายได้ไม่เกิน 10,800 บาท

     ส่วนที่เหลืออีก 20% ค่อยมาพิจารณาว่า สามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง เช่น ซื้อของให้รางวัลชีวิตตัวเอง ท่องเที่ยว หรือเงินสำหรับพัฒนาตัวเอง เทคคอร์สเรียนต่าง ๆ คอร์สทำอาหาร คอร์สดนตรี พัฒนาทักษะอาชีพติดตัว เป็นต้น หรืออาจเก็บเงินส่วนหนึ่งไว้เรียนรู้เรื่องของการลงทุนต่อยอดให้เงินทำงาน หรือที่เรียกว่า Passive Income ก็ได้

     สำคัญที่สุด อย่าลืมแบ่งเก็บเงินในส่วนนี้ไว้เป็นค่าใช้จ่ายสำรองฉุกเฉิน เผื่อในกรณีที่เราตกงานอีกด้วย โดยปกติแล้ว เงินสำรองฉุกเฉินควรมีไว้อย่างน้อยให้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายประมาณ 6 เดือน แต่หากต้องการเก็บเผื่อมากกว่านี้ก็ได้เช่นกัน บางคนอาจเก็บสำรองไว้ประมาณ 1 ปี ก็ได้ เป็นต้น

     จากกรณีศึกษาข้างต้น เป็นวิธีเริ่มต้นแบบง่าย ๆ สำหรับนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน ยังไม่มีภาระที่ต้องต้องดูแลมากนัก บางคนโชคดี ไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้าน ไม่ต้องเสียค่าอาหาร เพราะอาศัยอยู่กับครอบครัว ก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายน้อยลงและมีเงินเก็บมากขึ้น หากเราไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินไป เชื่อได้ว่า เงินเดือนเริ่มต้นเพียงเท่านี้ ก็สามารถบริหารจัดการรายได้ มีเงินเก็บ เงินลงทุนจนมั่งคั่งในอนาคตได้อย่างแน่นอนครับ