Banner_Head

Banner_Post

อยากมีความมั่งคั่งทางการเงิน ต้องเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องลงทุน อย่างน้อยต้องชนะเงินเฟ้อให้ได้

อยากมีความมั่งคั่งทางการเงิน ต้องเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องลงทุน อย่างน้อยต้องชนะเงินเฟ้อให้ได้


อยากมีความมั่งคั่งทางการเงิน ต้องเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องลงทุน อย่างน้อยต้องชนะเงินเฟ้อให้ได้


     สาเหตุที่คนรวยชอบพูดคุยกันแต่เรื่องลงทุน เพราะการลงทุนเป็นที่มาของความร่ำรวยและความมั่งคั่ง เงินออมที่เรามีหากปล่อยให้อยู่เฉย ๆ ย่อมไม่มีทางงอกเงยเพิ่มขึ้นได้ จึงต้องมองหาช่องทางในการลงทุน เพื่อให้เงินทำงานเพิ่มมูลค่าขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย

     หลังจากที่เราปรับ Mindset ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วในบทความก่อนหน้า ตามด้วยการสำรวจตัวเองด้วยการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย บัญชีงบดุลว่า ณ ปัจจุบันเรามีสถานะทางการเงินเป็นอย่างไร มีทรัพย์สินและหนี้สินมากน้อยแค่ไหน และในทฤษฎีขวดโหล 6 ใบ จะมีขวดโหลใบหนึ่งที่ชื่อว่า ขวดโหลเพื่อความมั่งคั่ง ซึ่งเราจะนำมาพูดคุยกันในบทความนี้ครับ

     การที่เราสะสมเงินออมในขวดโหลใบนี้เฉย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเป็นเงินสด หรือฝากไว้ในบัญชีธนาคารออมทรัพย์ก็ตาม เงินเก็บเหล่านี้ไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นมาให้เรามากเท่าไรนัก เราจึงจำเป็นต้องนำไปต่อยอดด้วยการลงทุน เงินออมก้อนนี้จึงจะสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่าปกติให้เราได้

     การลงทุนง่าย ๆ ในตอนที่ขวดโหลของเรายังใบเล็กอยู่ มีงบประมาณการลงทุนยังไม่มาก การฝากเงินในธนาคารเป็นทางเลือกที่ดีและง่ายที่สุด แม้ว่าดอกเบี้ยที่ได้รับ อาจจะไม่ได้เยอะมากมาย แต่ก็ยังงอกเงยเพิ่มขึ้น เราอาจจะมองหาเป็นการฝากประจำปลอดภาษีที่แต่ละธนาคารมีโปรโมชั่นการฝากที่ดีก็ได้


อยากมีความมั่งคั่งทางการเงิน ต้องเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องลงทุน อย่างน้อยต้องชนะเงินเฟ้อให้ได้


     เมื่อเงินก้อนในขวดโหลใบนี้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เราจึงค่อยเริ่มต้นวางแผนว่า เราจะหาช่องทางการลงทุนอย่างไรต่อไปกับเงินก้อนนี้ดี โดยผลตอบแทนขั้นต่ำที่คาดหวัง คือ ต้องมากกว่าอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันให้ได้

     เงินเฟ้อ คือ มูลค่าของเงินที่ลดลง แต่สินค้าราคาแพงขึ้น เช่น ในอดีตของชิ้นเดียวกัน เงินจำนวน 100 บาท ซื้อได้ 2 ชิ้น แต่ในปัจจุบัน เงิน 100 บาท เท่าเดิม แต่ซื้อของได้เพียงแค่ 1 ชิ้น นั่นเองครับ

     เงินที่เราเก็บออมอยู่เฉย ๆ หรือเงินลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เงินออมของเราที่มีด้อยค่าน้อยลงเรื่อย ๆ ในแต่ละวัน ดังนั้น การที่เราจะร่ำรวยและมั่งคั่งได้ นอกจากเราจะต้องรู้จักเก็บออมแล้ว ยังต้องรู้จักการลงทุนอีกด้วย การลงทุนที่ดี ต้องไม่น้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ เช่น หากอัตราเงินเฟ้อ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 3% และเราวางแผนการออมหรือการลงทุนได้ผลตอบแทนที่ 2% เท่ากับว่า การลงทุนของเราติดลบอยู่ 1% ในระยะยาว เงินของเราจะด้อยค่าลงไปเรื่อย ๆ นั่นเอง

     เมื่อกล่าวถึงเรื่องของอัตราผลตอบแทนแล้ว อาจจะยังเห็นภาพไม่ชัดเจนว่า แล้วจะทำให้เราร่ำรวยขึ้นได้อย่างไร ขอยกตัวอย่างง่าย ๆ เป็นเรื่องของดอกเบี้ยแล้วกันนะครับ

     สมมุติว่า เราสามารถออมเงินได้ปีละ 500,000 บาท เรานำเงินก้อนนี้ฝากไว้ในธนาคารที่ไม่มีดอกเบี้ยให้เราเลย ผ่านไปเป็นระยะเวลา 20 ปี เราก็จะมีเงินเก็บทั้งสิ้น 10,000,000 บาท เป็นตัวเลขกลม ๆ ง่าย ๆ แต่หากว่าเราเก็บออมได้ปีละ 500,000 บาท เท่าเดิม แต่เลือกที่จะฝากไว้ในธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยเงินฝาก 2% ต่อปี เมื่อเวลาผ่านไป 20 ปี เท่า ๆ กัน เงินออมของเราจะมีมูลค่าเป็น 12,400,000 บาทแทน มีเงินเพิ่มขึ้นมาอีก 2.4 ล้านบาทฟรี ๆ จากผลตอบแทนของดอกเบี้ยที่ได้รับ

     นี่เป็นตัวอย่างของอัตราผลตอบแทนที่ 2% เท่านั้น หากเรามีความรู้ทางด้านการลงทุนที่สามารถลงทุนและสร้างผลตอบแทนได้มากกว่านี้ เงินออมของเราก็จะยิ่งเพิ่มมูลค่ามากกว่านี้ไปอีกมากมายมหาศาล ยกตัวอย่าง เช่น การลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที 5-20% ต่อปี เป็นต้น หรือสมมุติว่า ในกรณีที่เราลงทุนในกองทุนรวมกองหนึ่งที่สามารถให้ผลตอบแทนได้ปีละ 7% ทุกปี เมื่อเราลงทุนต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 20 ปี เท่าเดิม เงินออมของเราจะกลายเป็น 21,900,000 บาท เพิ่มขึ้นมาถึงเกือบ 12 ล้านบาทเลยทีเดียวครับ มากกว่าเงินต้นที่เราเก็บออมเสียอีก


อยากมีความมั่งคั่งทางการเงิน ต้องเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องลงทุน อย่างน้อยต้องชนะเงินเฟ้อให้ได้


     สิ่งที่เกิดขึ้น เรียกว่า มหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้นนั่นเอง คนรวยส่วนใหญ่รู้ทฤษฎีเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้น สิ่งที่เศรษฐีเหล่านั้นทำ คือ พวกเขาจะพยายามมองหาที่ที่เหมาะสมที่จะนำเงินไปลงทุนแล้วสร้างผลตอบแทนทบต้นให้กับเขาได้เป็นระยะเวลานาน ๆ ผลตอบแทนก็จะเติบโตมากขึ้น ๆ จากทฤษฎีดอกเบี้ยทบต้น ตัดภาพมาที่เรา หากเราไม่เริ่มเรียนรู้เรื่องของการลงทุน ต่อให้เราเก็บออมเท่าไหร่ เงินของเราก็ไม่สามารถชนะเงินเฟ้อ หรืองอกเงยจนเรากลายเป็นเศรษฐีได้

     ดังนั้น หากเราต้องการร่ำรวย เราจำเป็นต้องเรียนรู้เครื่องมือการลงทุนที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับเรา มุมมองของหลาย ๆ คน อาจคิดว่า คนรวย ต้องเป็นคนที่ได้เงินเดือนเยอะ ๆ มีพื้นฐานทางสังคมที่ดี หรือเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยมาก่อน ซึ่งจริง ๆ แล้ว อาจจะไม่ได้ถูกต้องทั้งหมดเสียทีเดียว คนร่ำรวยอาจจะไม่ได้ใช้แรงกายในการทำงานแลกกับเวลาที่มี แต่อาจจะแค่วางแผนและวางเงินให้ถูกที่ถูกทางที่ให้ผลตอบแทนที่สูงและสม่ำเสมอให้กับเขาได้ ผลตอบแทนที่เขาได้กลับมา จึงเป็นผลจากความรู้ในเรื่องของการลงทุนที่เขามี ทำงานน้อยลง ไม่ต้องใช้แรงกายเพื่อแลกเป็นรายได้ตลอดเวลา

     การลงทุน ก็คือ การจัดสรรเงินออมของเรา นำไปลงทุน เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งผลตอบแทนที่ได้ก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเภทของการลงทุนที่เราเลือก เช่น
  • หากเราฝากเงินในธนาคาร ผลตอบแทนเรียกว่า ดอกเบี้ย
  • หากเราลงทุนในหุ้น ผลตอบแทนเรียกว่า เงินปันผล (ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทที่เราลงทุน)
  • หากเราลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ผลตอบแทนเรียกว่า ค่าเช่า

     เราจำเป็นต้องเรียนรู้ความแตกต่างและความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละประเภท เพราะการลงทุนแต่ละประเภทนั้น ได้รับผลตอบแทนและมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ยิ่งผลตอบแทนสูงก็ย่อมตามมาด้วยความเสี่ยงที่สูงเช่นเดียวกัน การได้รับผลตอบแทนที่สูงที่สุดอาจจะไม่ดีเสมอไปก็ได้ เพราะความเสี่ยงที่เราต้องรับอาจจะมากเสียจนเรานอนไม่หลับก็เป็นได้ การลงทุนที่ดีจึงต้องเหมาะสมกับบุคลิก ลักษณะนิสัยของผู้ลงทุนด้วยนั่นเอง


สนใจเปิดบัญชีหุ้นและ TFEX

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

Banner_Post2