สถิติหนี้ครัวเรือนของคนไทย สาเหตุของการเป็นหนี้และวิธีแก้ปัญหาหนี้สินเบื้องต้น
หนี้ครัวเรือน เป็นคำที่เราได้ยินติดหูมาอย่างต่อเนื่อง ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจในประเทศไทยได้ประเมินสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ณ สิ้นปี 2567 น่าจะอยู่ที่ 91.4% หรือประมาณ 19.9 ล้านล้านบาท ขณะที่หนี้บัตรเครดิต ลิสซิ่งและหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลคาดว่าจะโตเร็วสุดในรอบทศวรรษ
จากการสำรวจพฤติกรรมของคนไทยที่มีหนี้สิน ส่วนใหญ่มาจากการเป็นคนชอบติดหรู ติดเทรนด์ ติดกระแส ชอบความสะดวกสบาย จึงทำให้ใช้เงินเกินตัว โดยคนไทยวัยทำงานอายุระหว่าง 25-29 ปี มากกว่า 58% เป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบ โดยใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตเพื่อการดื่มกินและท่องเที่ยวจนเต็มวงเงิน จนต้องชำระหนี้ขั้นต่ำ จนหนี้สินพอกพูนกลายเป็นหนี้เสียตามมา
สัดส่วนและอัตราการขยายตัวของหนี้ครัวเรือน ปี 2566 แบ่งตามวัตถุประสงค์การกู้เงิน มีดังนี้
- สินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 5.5 ล้านล้านบาท สัดส่วน 33.8% ของหนี้ครัวเรือน
- สินเชื่อเพื่อประกอบธุรกิจมูลค่า 2.9 ล้านล้านบาท สัดส่วน 17.8% ของหนี้ครัวเรือน
- สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล มูลค่า 4.4 ล้านล้านบาท สัดส่วน 27.3% ของหนี้ครัวเรือน โดยหนี้ส่วนบุคคลแบ่งเป็น
- สินเชื่อส่วนบุคคล 3.1 ล้านล้านบาท สัดส่วน 19.3% ของหนี้ครัวเรือน
- สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับ (สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ, สินเชื่อบัตรกดเงินสด) มูลค่ารวม 8 แสนล้านบาท คิดเป็น 5.1% ของหนี้ครัวเรือน
- สินเชื่อบัตรเครดิตมูลค่ารวม 5 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.8% ของหนี้ครัวเรือน
- สัดส่วนการใช้จ่ายยังเป็นสินค้าที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 58.21%
- สัดส่วนอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ 41.79%
แบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็นหมวดสินค้า ได้แก่
- ค่าใช้จ่ายค่าโดยสารสาธารณะ ซื้อยานพาหนะ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ เฉลี่ย 4,110 บาท
- ค่าเช่าบ้าน ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม เครื่องใช้ในบ้าน 3,989 บาท
- ค่าอาหารบริโภคในบ้าน เดลิเวอรี่ 1,650 บาท
- เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ สัตว์น้ำ 1,647 บาท
- อาหารบริโภคนอกบ้าน 1,250 บาท
- ผักและผลไม้ 1,000 บาท
- ค่าแพทย์ ค่ายา ค่าบริการส่วนบุคคล 987 บาท
- ค่าหนังสือ ค่าสันทนาการ ค่าเล่าเรียนและการกุศลต่าง ๆ 765 บาท
- ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง 707 บาท
- เครื่องปรุงอาหาร 430 บาท
- ไข่และผลิตภัณฑ์นม 412 บาท
- เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ค่าเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า 375 บาท
- ค่าบุหรี่ ค่าเหล้า ค่าเบียร์ 243 บาท
จากสถิติพบว่า ครัวเรือนไทยกว่า 62% มีเงินออมไม่เพียงพอสำหรับใช้ในยามฉุกเฉิน เพราะเป็นหนี้บัตรเครดิตและหนี้ส่วนบุคคลสูงกว่ารายได้ 20-25 เท่า แต่ละเดือนต้องจ่ายหนี้เกินครึ่งของรายได้ ทำให้มีเงินไม่เพียงพอสำหรับการเก็บออม ส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นหนี้มักจะผ่อนชำระเพียงแค่ขั้นต่ำ ทำให้บุคคลที่มีอายุเกิน 60 ปี ยังคงมีภาระต้องผ่อนชำระหนี้เฉลี่ยแล้ว 415,000 บาทต่อคน
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC เผยผลสำรวจ พบว่า
- กลุ่มคนรายได้น้อยยังมีปัญหารายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย มีแนวโน้มเผชิญปัญหาหนี้สินเพิ่มขึ้น เฉพาะกลุ่มคนรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน เป็นกลุ่มที่มีปัญหารายได้ไม่พอจ่าย สัดส่วนสูงถึง 73% โดยคนกลุ่มนี้เกือบ 70% มีภาระหนี้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิดและมีแนวโน้มต้องกู้มากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นการกู้เงินนอกระบบ
- กลุ่มคนรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่ประสบปัญหาค้างชำระหนี้ เป็นเพราะรายได้ลดลง ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนสูงขึ้น ที่สำคัญเวลาจ่ายหนี้ มักจะชำระเพียงขั้นต่ำ จ่ายไม่เต็มจำนวนหรือผิดนัดชำระหนี้เป็นบางครั้ง
สาเหตุทำให้คนไทยเป็นหนี้
สาเหตุที่ทำให้คนไทยเป็นหนี้ นอกเหนือจากสภาพทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม โอกาสทางการศึกษาที่มีผลต่อการทำงานและรายได้แล้ว คนไทยยังเป็นหนี้เพิ่มขึ้นเกิดจากสาเหตุเหล่านี้
- คนไทยเห็นของลดราคาไม่ได้หรือสินค้าที่เป็นกระแส อยากซื้อขึ้นมาทันที ทำให้สิ้นเปลืองไปกับการซื้อของ ไม่มีเงินเก็บ ยิ่งใช้บัตรเครดิตหลายใบ ยิ่งเป็นหนี้มากขึ้นอีก
- คนไทยหลายคนไม่มีความรู้ทางการเงิน บางคนคิดว่าจ่ายหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำของยอดหนี้ไม่ได้เป็นเรื่องแย่ คิดว่าวันหนึ่งเดี๋ยวก็หมด
- ติดปาร์ตี้ กินหรู อยู่สบาย ว่างเมื่อไหร่ไปคาเฟ่ ร้านอาหารแพง ๆ เพื่อถ่ายภาพลงโซเชียล
- ชอบผ่อนของ 0% ไม่ประเมินรายได้และรายจ่ายของตัวเอง ขาดวินัยในการผ่อนชำระตามเงื่อนไขที่กำหนด ทำให้เกิดหนี้สินสะสม
- อยากรวยทางลัด ติดหนี้เพราะการพนัน เล่นหวยทุกงวด ที่เห็นเป็นข่าวในปัจจุบันทั้งดารา คนวงการบันเทิง ประชาชนทั่วไป เป็นหนี้ส่วนหนึ่งมาจากการเล่นพนัน โดยเฉพาะพนันออนไลน์ ที่มีทั้งหวย สล็อต เพราะเข้าถึงได้ง่าย เล่นได้ทุกที่ทุกเวลา สุดท้ายจึงมีหนี้ท่วมตัว
- สำรวจรายรับ-รายจ่าย บันทึกการเงินในแต่ละเดือนว่าแต่ละเดือนมีรายรับเท่าไหร่ รายจ่ายเท่าไหร่ จะได้รู้ว่าต้องบริหารจัดการอย่างไร
- ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น อย่าใช้ชีวิตติดหรู เช่น กินร้านอาหารแพง ๆ ให้ซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคเฉพาะที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
- จัดลำดับการจ่ายหนี้ ให้จ่ายหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน ไม่ว่าจะเป็นหนี้นอกระบบ หนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด
- หารายได้เสริม เพื่อจะได้นำมาชำระหนี้เพิ่มให้หมดเร็ว ๆ
- รวมหนี้ หากมีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินจากการชำระหนี้หรือการผ่อนชำระหนี้มากเกินไป การรวมหนี้สามารถปิดหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงให้หมดเร็วได้ โดยลองติดต่อธนาคารที่มีสินเชื่อด้านนี้โดยตรง
สรุป ปัจจัยหลักที่ทำให้เป็นหนี้ ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจและระดับรายได้ของประชาชนฟื้นตัวช้า ต้นทุนทางการเงินสูงกว่าในอดีตและพฤติกรรมการก่อหนี้ โดยเฉพาะการขาดวินัยทางการเงิน ปัญหาทางเศรษฐกิจเราอาจจะแก้ไขไม่ได้ แต่วินัยทางการเงินของตัวเราเอง สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ด้วยตัวเราเองนะครับ




0 ความคิดเห็น