อยากรู้ไหม Timeframe ไหนเหมาะกับคุณ | ปัจจัยในการเลือก Timeframe ที่เหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์แต่ละคน
Timeframe คืออะไร?
Timeframe หมายถึง ช่วงระยะเวลาที่นักลงทุนหรือเทรดเดอร์ใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ (ช่วงเวลาที่ใช้วิเคราะห์กราฟ) โดย Timeframe ที่เหมาะสมแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้ชีวิต สไตล์การเทรด ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเป้าหมายการลงทุน โดยมีสิ่งที่ควรพิจารณาดังนี้Timeframe ที่นิยมใช้:
1.Intraday (Day Trading):
- 1 นาที, 5 นาที, 15 นาที: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเทรดภายในวัน หรือ Day Trade จำเป็นต้องมีการติดตามราคาอย่างใกล้ชิดและมีความรวดเร็วในการตัดสินใจ มีเวลาเฝ้าหน้าจอ เนื่องจากกราฟมีความผันผวนสูง
2.Short-term (Swing Trading):
- 1 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง: ใช้สำหรับเทรระยะสั้น หลายวันถึงหลายสัปดาห์ มองหาแนวโน้มระยะสั้น เหมาะสำหรับการเทรดแบบ Swing Trade อาจใช้การวิเคราะห์เชิงพื้นฐานร่วมกับทางเทคนิคเพื่อตัดสินใจ ไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา และสามารถจับโอกาสจากรูปแบบของกราฟราคาได้ค่อนข้างแม่นยำมากขึ้น
- 1 วัน, 1 สัปดาห์: เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาแนวโน้มของตลาดในระยะกลาง อาจถือหุ้นไว้นานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน หรือผู้ที่ลงทุนระยะยาว (Buy and Hold) เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาในระยะสั้น และสามารถสร้างผลตอบแทนจากการเติบโตของบริษัทที่ลงทุนได้
- 1 เดือน, 1 ปี: สำหรับนักลงทุนที่มองภาพกว้างของตลาด มุ่งเน้นการวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน (Fundamental Analysis)เป็นหลัก เช่น งบการเงิน ปัจจัยเศรษฐกิจ และแนวโน้มของอุตสาหกรรม มักใช้ในการลงทุนระยะยาวมุ่งเน้นการเติบโตของบริษัทที่ลงทุน
การเลือก Timeframe ที่เหมาะสม
การเลือก Timeframe ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการดังนี้:- ประเภทการเทรด: ขึ้นอยู่กับว่า คุณเป็นเทรดเดอร์แบบใด เช่น Day Trader, Swing Trader หรือ Investor
- เวลาที่มีให้เทรด: เทรดเดอร์ที่มีเวลาเฝ้าติดตามกราฟตลอดทั้งวัน อาจชอบ Timeframe สั้น ๆ มีจังหวะในการเข้าซื้อบ่อย ในขณะที่นักลงทุนที่มีเวลาจำกัด อาจเลือก Timeframe ที่ยาวขึ้นแทน
- ความเสี่ยงที่ยอมรับได้: Timeframe สั้นมักมาพร้อมกับความผันผวนที่สูงและความเสี่ยงที่สูง ในขณะที่ Timeframe ที่กว้างขึ้นมักมีความเสี่ยงน้อยลง รูปแบบของกราค่อนข้างเสถียรมากกว่า
- ประสบการณ์และทักษะ: ผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าอาจมีความสามารถที่สะสมมานาน จึงสามารถเทรด Timeframe สั้น ๆ แล้วทำกำไรได้ดีกว่า
- เป้าหมายการลงทุน: หากเป้าหมาย คือ การเติบโตระยะยาวไปพร้อม ๆ กับบริษัทที่ลงทุน อาจต้องการ Timeframe ที่ใหญ่ เพื่อให้เห็นภาพใหญ่และชัดเจนมากขึ้น
ตัวอย่าง
- หากคุณเป็นคนชอบความรวดเร็ว ราคาผันผวนเร็ว กล้าได้กล้าเสียและรับความเสี่ยงได้สูง อาจเหมาะกับ Timeframe ระยะสั้น
- หากคุณไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอ (ทำงานประจำ) อาจเลือก Timeframe ระยะกลางถึงระยะยาว เพื่อเน้นการวางแผนล่วงหน้า ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ
- นาย A เทรดในกราฟ 1 นาที แต่เครียดเกินไป จึงเปลี่ยนเป็นใช้กราฟ 1 ชั่วโมง หลังจากเปลี่ยน Timeframe แล้ว ใจนิ่งขึ้น เทรดได้ดีขึ้น ทำกำไรได้มากขึ้นกว่าเทรดระยะสั้น
- ผู้เริ่มต้นควรเทรด Timeframe ระยะกลางหรือระยะยาว เพราะไม่ต้องตัดสินใจเร็วและค่อย ๆ เรียนรู้ใจตัวเองทีละนิด แล้วค่อย ๆ ปรับ Timeframe ให้สั้นลงก็ได้
- ผู้ที่มีประสบการณ์อาจเลือก Timeframe สั้นเพื่อทำกำไรจากความผันผวน เล่นรอบบ่อยขึ้น
- บางครั้งการใช้หลาย Timeframe ร่วมกัน (Multiple Timeframe Analysis) ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ เช่น Daily Chart เพื่อดูแนวโน้มใหญ่ (Trend) และใช้ Timeframe 15 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อ เป็นต้น
**สรุป**
ไม่มี Timeframe ใดที่ "ดีที่สุด" สำหรับทุกคน การเลือก Timeframe ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับ:- สไตล์การเทรดของคุณ
- เวลาที่คุณมี
- ความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้
- เป้าหมายการลงทุน
การเลือก Timeframe ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถ:
- วิเคราะห์ตลาดและหุ้นได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
- กำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองได้
- บริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
0 ความคิดเห็น