วิธีหาเงินจากความไม่รู้ของคนอื่นด้วย Dunning-Kruger Effect สร้างรายได้จากการเป็นโค้ชสอนรวย
ที่มาของคลิปนี้เกิดจากลูกชายคนโตได้มีโอกาสฟังคลิปยูทูปช่องหนึ่งเกี่ยวกับทฤษฎี Dunning-Kruger Effect แต่ฟังแล้วไม่เข้าใจ เนื่องจากในคลิปเป็นการเหน็บแนมเกี่ยวกับการเมือง และพูดเรื่องคนโง่ คนฉลาด คนโง่มักเป็นเหยื่อของคนฉลาด เมื่อลูกชายฟังแล้วไม่เข้าใจ พี่แดงจึงได้อธิบายในรูปแบบของตัวเองให้ฟังใหม่อีกครั้งและได้นำแนวความคิดเรื่อง Dunning-Kruger Effect มาเล่าให้ฟังในมุมของการเป็นเทรดเดอร์ด้วยครับ
ทฤษฎีนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้ในชีวิตจริงของทุกคน เพราะความไม่รู้ คือ ความเสี่ยง เมื่อไม่รู้ เรามักจะตกเป็นเหยื่อของคนที่หวังปอกลอกแน่นอนอยู่แล้ว แต่ในมุมของเทรดเดอร์นั้น พี่แดงได้นำเอาทฤษฎีนี้เข้าไปจับ แล้วอธิบายให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งไม่เฉพาะในแวดวงของเทรดเดอร์เท่านั้น ทฤษฎีนี้สามารถใช้ได้กับทุกสาขาอาชีพเลยทีเดียว
โดยปกติ คนทั่วไปแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ รู้ ไม่รู้ ชี้และไม่ชี้ โดยเราสามารถแบ่งออกเป็น 4 section ด้วยกัน
- รู้และชี้ กลุ่มคนกลุ่มนี้มีความรู้และชอบถ่ายทอดความรู้ที่ถูกต้องให้แก่ผู้อื่น
- ชี้แต่ไม่รู้ เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ผิวเผิน ไม่ได้รู้แบบลึกซึ้ง แต่ชอบที่จะถ่ายทอด ซึ่งเป็นการถ่ายทอดที่เข้าใจเพียงครึ่งหนึ่งหรือเข้าใจผิด ๆ
- รู้แต่ไม่ชี้ เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ แต่ไม่ยอมบอกใคร รู้เงียบ ๆ อยู่คนเดียว
- ไม่รู้และไม่ชี้ เป็นกลุ่มคนที่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่มีความรู้และไม่ยอมถ่ายทอดสิ่งใด ๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างความมั่นใจและความรู้
ต่อเนื่องจากกลุ่มคน 4 กลุ่มข้างต้น เมื่อเราต้องการศึกษาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราจะเริ่มต้นในสถานะของคนไม่รู้ ไม่ชี้ จนกระทั่งศึกษาไประยะเวลาหนึ่ง เกิดความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น แต่ความรู้ยังเพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เราก็จะเข้าสู่หมวดหมู่ของชี้ แต่ไม่รู้ และเมื่อผ่านไปอีกระยะเวลาหนึ่ง ความมั่นใจจะเริ่มลดลง เพราะเริ่มรู้มากขึ้นว่ามันไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่เราคาดคิดไว้ในตอนแรก ซึ่งเมื่อมาถึงจุดนี้ จะเข้าสู่หมวดของคนที่รู้ แต่ไม่ชี้ เริ่มรู้สึกว่าตนเองยังมีความรู้ไม่มากพอ ความมั่นใจเริ่มลดลงและต้องการที่จะศึกษาหาความรู้เพิ่มขึ้นอีก จนกระทั่งเรียนรู้เพิ่มเติมถึงหมวดสุดท้ายที่มีความรู้เพิ่มมากขึ้นและพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ถูกต้องให้แก่คนอื่น ๆ ในหมวดนี้เราจะเรียกว่าอยู่ในหมวดรู้และชี้นั่นเอง แต่ความมั่นใจของกลุ่มสุดท้ายนี้ จะไม่เท่ากับกลุ่มที่ชี้แต่ไม่รู้ เนื่องจากผ่านประสบการณ์มามากกว่าเดิม มีความรู้ที่มากขึ้น จึงรู้ว่าไม่มีทางมีสิ่งใดที่เป็นไปได้ 100% ตามที่เราคิดเมื่อย้อนกลับมาเปรียบเทียบกับธุรกิจโค้ชหรือธุรกิจคอร์สสอนให้รวย สอนเป็นเศรษฐีต่าง ๆ ในความคิดเห็นส่วนตัวของพี่แดงนั้น กลุ่มคนที่มาสอนมักจะเป็นกลุ่มคนที่ชี้แต่ไม่รู้ และกลุ่มรู้และชี้
หากเราได้เรียนรู้กับผู้สอนที่อยู่ในกลุ่มชี้แต่ไม่รู้ เราจะได้ความมั่นใจและได้ความรู้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ในประสบการณ์ที่ยังไม่มากพอของผู้สอนไป เช่น มีวิธีการบางอย่างที่ทำให้เรารวยเร็วเป็นเศรษฐีได้เร็วมาก ๆ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นได้จริง ผู้สอนน่าจะได้ขึ้นแท่นเศรษฐีของประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว น่าจะมีชื่อเสียงจนมีคนไปสัมภาษณ์ถึงความสำเร็จมากมาย แต่ในความเป็นจริง กลับไม่มีชื่อของผู้สอนท่านนั้นปรากฎให้เห็นบ้างเลย
ในขณะที่กลุ่มคนรู้และชี้ มักจะเป็นผู้สอนที่ไม่ได้มองที่เรื่องตัวเงินเป็นหลัก แต่ตั้งใจสอน เพื่อให้คนที่มาเรียนได้มีความรู้ที่ถูกต้อง มักจะไม่มีคำพูดที่ว่ารวยเร็ว รวยแรง แต่มักจะมีคำพูดที่ว่า ทุกอย่างมีความเสี่ยงทั้งสิ้น มีโอกาสผิดพลาดได้เสมอ ต้องคอยระวังและหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
Mindset ที่ได้รับจากทั้ง 2 กลุ่มนี้จะแตกต่างกันอย่างชัดเจน เปรียบเสมือนเมื่อเราไปสอบถามเรื่องการลงทุนในหุ้นกับ ดร.นิเวศน์ ว่าลงทุนในหุ้นดีไหม พี่แดงก็เชื่อว่า ดร.นิเวศน์เองร่ำรวยมาจากหุ้นก็ยังตอบได้ว่า มันก็ทำได้ แต่ก็ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมและไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกคน นี่เป็นตัวอย่างของคำตอบจากกลุ่มที่รู้และชี้นั่นเองครับ
0 ความคิดเห็น