Banner_Head

Banner_Post

3 ตัวอย่างจากกฎของตัวเลข 72 ในชีวิตจริง สาเหตุที่คนเป็นหนี้จนล้มละลาย

กฎของตัวเลข 72

3 ตัวอย่างจากกฎของตัวเลข 72 ในชีวิตจริง สาเหตุที่คนเป็นหนี้จนล้มละลาย


          วันนี้พี่แดงจะมาพูดถึงเรื่องกฎของตัวเลข 72 ที่อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริง ๆ แล้ว มันแฝงอยู่ในชีวิตประจําวันของเรามากกว่าที่เราคิด

          เคยสงสัยมั้ยครับว่า เงินของเราจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ หรือคนที่มีหนี้บัตรเครดิตเพียงแค่จํานวนเล็กน้อย แต่ทําไมจึงกลายเป็นบุคคลล้มละลายได้ รวมถึง เมื่อเราแก่ตัวไปแล้ว เงินเก็บที่เราคิดว่าเพียงพอในยามเกษียณ มันพอจริงไหม ด้วยกฎ 72 นี้ เราจะได้เรียนรู้วิธีการคํานวณที่ง่าย และก็เร็วมาก ๆ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาลุยกันเลยครับ

          ในความเป็นจริงแล้ว มีวิธีการในการคํานวณว่าเงินของเราจะเพิ่มขึ้นเป็นจํานวนเท่าไหร่ ด้วยอัตราดอกเบี้ยทบต้น แต่แน่นอนครับว่ามันเป็นสูตรคณิตศาสตร์ ซึ่งเราจะต้องมีการคํานวณด้วยตัวเลขยกกําลัง จึงมีการใช้กฎของตัวเลข 72 มาช่วยให้คํานวณง่ายขึ้นว่าเงินของเราจะเป็นเท่าไหร่ในอนาคต หรือแม้กระทั่ง เงินของเราจะลดค่าไปเท่าไหร่ในอนาคต เรามาดูตัวอย่างกันเลยครับ 

          ระยะเวลาที่เงินจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า มีสูตรคํานวณแบบง่าย ๆ ด้วยกฎของ 72 คือ นำตัวเลข 72 หารด้วยอัตราผลตอบแทนต่อปี คำตอบที่ได้จะเป็นจำนวนปีที่เงินของเราจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า นั่นเอง 


ตัวอย่างที่ 1 กรณีดอกเบี้ยทบต้น

          นาย ก. มีเงินฝากจํานวน 100,000 บาทได้รับดอกเบี้ยทบต้นในอัตราที่ 6% ต่อปี เงินจํานวนนี้ เราจะมาคํานวณดูว่า มันจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในระยะเวลากี่ปี

          นำตัวเลข 72 หารด้วยอัตราผลตอบแทนต่อปี นำมาแทนค่า ก็คือ 72 หาร 6 นั่นเอง เพราะฉะนั้น เราจึงใช้ระยะเวลาทั้งหมด 12 ปี เงินเก็บก้อนนี้ของเราจะโตขึ้นมากลายเป็น 2 เท่า หรือ 200,000 บาท 

          หากเราใช้สูตรเดิม เพียงแต่เราสามารถที่จะหาผลตอบแทนได้มากกว่า 6% ต่อปี เช่น ลงทุนได้ 10% ต่อปี จากที่เงิน 100,000 บาท กลายเป็น 200,000 บาท ใช้เวลา 12 ปี ก็จะลดลงเหลือแค่ 7.2 ปี เท่านั้น ร่นระยะเวลาไปได้ประมาณ 5 ปี เพียงแค่ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นมา 4% นี่คือตัวอย่างที่ 1 ของการใช้กฎของตัวเลข 72 




ตัวอย่างที่ 2 กรณีดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงิน

          ในกรณีดอกเบี้ยเงินกู้ทบต้นนั้น หลายท่านไม่รู้ว่า การมีหนี้สินกับบัตรเครดิตอยู่แค่จํานวนเล็กน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไป 4-5 ปี กลับถูกฟ้องร้องกลายเป็นบุคคลล้มละลาย แสดงว่าดอกเบี้ยเงินกู้ โดยเฉพาะดอกเบี้ยบัตรเครดิตช่างน่ากลัวจริง ๆ 

          นาย ข. มีหนี้บัตรเครดิตจํานวน 50,000 บาท ต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 18% ต่อปี หนี้สินจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า โดยใช้ระยะเวลากี่ปี

          นำมาแทนสูตรเหมือนเดิม คือ 72 หารด้วยอัตราดอกเบี้ยต่อปี ก็คือ 72 หารด้วย 18 คำตอบที่ได้ คือ เมื่อเวลาผ่านไป 4 ปี หนี้สินที่มีอยู่ 50,000 บาท จะกลายเป็น 100,000 บาท หากใครมีหนี้สินอยู่ 500,000 บาท ผ่านไป 4ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ย 18% จะกลายเป็นหนี้ที่ 1,000,000 บาทนั่นเอง จึงทําให้หลายคนที่มีหนี้บัตรเครดิตอยู่ 500,000 บาท ไม่ยอมชดใช้หนี้ผ่านไปแค่ 4 ปี กลายเป็นบุคคลล้มละลายไปในทันที

     ยิ่งหากเราเป็นหนี้นอกระบบด้วยแล้ว จะยิ่งทำให้หนี้สินพอกพูนเร็วขึ้นอีกมากมาย เช่น สมมติว่าเราไปเป็นหนี้นอกระบบที่คิดอัตราดอกเบี้ยที่ 10% ต่อเดือน หรือ 120% ต่อปี หากเรามีหนี้ 50,000 บาท ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 บาท โดยใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้นเอง นี่คือแนวทางทางที่เราสามารถใช้กฎ 72 มาคํานวณแบบง่าย ๆ


ตัวอย่างที่ 3 กรณีเงินเฟ้อจากสภาวะเศรษฐกิจ


          นาย ค. เคยตัดผมครั้งละ 100 บาท หากอัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบันอยู่ที่ 5% ต่อปี เงินค่าตัดผมจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรือต้องจ่ายเงินค่าตัดผม 200 บาท ใช้ระยะเวลากี่ปี 

          เงินเฟ้อ กล่าวโดยง่าย ๆ เหมือนสมัยก่อนเคยทานก๋วยเตี๋ยวชามละ 5 บาท, 10 บาท แล้วก็เพิ่มขึ้นเป็น 20 บาท, 25 บาท จนทุกวันนี้กลายเป็นชามละ 30-40 บาท ไปแล้ว นั่นก็คือ เงินเฟ้อนั่นเอง 

          แทนค่าสูตรด้วย 72 หารด้วยอัตราเงินเฟ้อต่อปี นั่นคือ 72/5 คำตอบที่ได้ คือ เงินที่เราตัดผม 100 บาทผ่านไป 14 ปี เราจะต้องจ่ายค่าตัดผม 200 บาท 

          เงินเฟ้อยังกระทบกับเงินออมที่เราเก็บเอาไว้ใช้ยามเกษียณอีกด้วย สมมติว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 5% เรามีเงินเก็บหนึ่งล้านบาท ตอนอายุ 60 ปี หากไม่เสียชีวิตไปเสียก่อน มีอายุยืนยาวไปจนถึง 75 ปี เงินเก็บหนึ่งล้านบาทของเราก็จะลดค่าลงไปเหลือประมาณครึ่งนึง คือ ผ่านไป 14.4 ปีปุ๊บ เงินเก็บจากหนึ่งล้านมูลค่าก็จะเหลือ 500,000 บาท เป็นต้น 

          ดังนั้น เมื่อถึงวัยเกษียณอายุ อย่าเพียงแค่ให้เงินออมของเราอยู่นิ่ง ๆ รอวันถอนออกมาใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว จะต้องให้เงินออมของเราทํางานให้เราด้วย ทำอย่างไรก็ได้ให้เงินต้นลดลงช้าที่สุด หรือถ้าเป็นไปได้ให้มันเพิ่มขึ้นทุกปีก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ หมายความว่า เราจําเป็นต้องเรียนรู้ในเรื่องของการเงิน การลงทุนควบคู่ไปในปัจจุบันนี้ด้วย นี่คือสิ่งที่พี่แดงอยากฝากเอาไว้ 


          ท่านใดที่สนใจเทรดหุ้นหรือ TFEX ด้วยโปรแกรม MT4 / MT5 พี่แดงแนะนำสมัครเปิดบัญชีกับ บล.พาย  นอกจากนั้น ยังมีบริษัทหลักทรัพย์บียอนด์ อีกหนึ่งแห่งที่ในอนาคตกําลังจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ทําให้เทรดเดอร์อย่างเราเทรดง่ายขึ้นอีกด้วยครับ ขอฝาก QR Code สมัครเปิดบัญชีไว้ให้ และน้องมาร์เก็ตติ้งที่ดูแลพี่แดงอยู่ก็ดูแลดีอีกด้วยครับ


สนใจเปิดบัญชีหุ้นและ TFEX ฟรี!

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

Banner_Post2