4 เรื่อง ควรบริหารของ Fulltime Trader

          4 เรื่องสำคัญที่ Full Time Trader ควรบริหารจัดการ ซึ่งหลายคนอาจมองว่าอาชีพเทรดเดอร์เป็นงานที่ทำที่ไหนก็ได้ เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเป็น Full Time Trader ต้องมีการเตรียมตัวและบริหารจัดการหลายเรื่องที่คนทั่วไปอาจมองไม่เห็น พี่แดงได้สรุป 4 เรื่องดังกล่าวไว้ดังนี้:

1. การบริหารจัดการเงิน

• จัดสัดส่วน Portfolio ของการลงทุนให้เป็นระบบ ไม่ใช่เทรดด้วยพอร์ต Trading อย่างเดียว ควรนำกำไรจากการเทรดไปจัดสรรลงทุนในส่วนอื่น ๆ เช่น หุ้นระยะยาว, พันธบัตรรัฐบาล, หุ้นกู้, หรือสลากออมสิน เพื่อสร้างรายได้ที่ไม่ต้องใช้แรงมากเท่าพอร์ตเทรด
• กำหนดรูปแบบของแต่ละพอร์ตให้ชัดเจน แบ่งพอร์ตเป็น 'กองหน้า' (สร้าง Cash Flow จากการเทรดระยะสั้น), 'กองกลาง', 'กองหลัง' (ลงทุนระยะยาว) เพราะการเทรดอย่างเดียวสะสมความเครียด
• กำหนดความเสี่ยงของระบบเทรดในแต่ละพอร์ตให้ชัดเจน เพื่อป้องกันความสับสนและความเครียดเมื่อเทรดหลายพอร์ตพร้อมกัน
• แยกเงินทุนเทรดออกจากเงินค่าใช้จ่ายประจำวัน/อื่น ๆ ให้ชัดเจน โดยเฉพาะเทรดเดอร์มือใหม่มักนำเงินเก็บทั้งหมดมาเทรด ซึ่งเสี่ยงที่จะไม่มีเงินใช้จ่ายจำเป็นหากขาดทุน เมื่อเป็น Full Time Trader ต้องแยกเงินทุนเทรดกับเงินค่าใช้จ่ายครอบครัวออกจากกันอย่างชัดเจน
• เตรียมเงินฉุกเฉินสำรองไว้ แนะนำสำหรับ Full Time Trader คือ อย่างน้อย 12-14 เดือนของค่าใช้จ่าย เพื่อให้แน่ใจว่ามีเงินจ่ายค่าใช้จ่ายจำเป็นได้แม้ในปีนั้นจะเทรดไม่ได้กำไรก็ตาม
• เตรียมประกันต่าง ๆ ไว้ เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ เพื่อป้องกันการดึงเงินสำรองฉุกเฉินมาใช้ก้อนใหญ่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ประกันเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่ายทิ้ง
  
  

2. การบริหารเวลา

• บริหารตารางเวลาสินค้าที่เทรด สินค้าแต่ละประเภทมีเวลาทำการต่างกัน เช่น หุ้นไทย (ประมาณ 10:00-16:30), อนุพันธ์ (เร็วกว่าหุ้นไทยครึ่งชั่วโมง), หุ้นต่างประเทศ (ขึ้นอยู่กับประเทศ), Forex (24 ชั่วโมง), ทอง (ส่วนใหญ่ 24 ชั่วโมง)
• เลือกสินค้าที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง อย่าเลือกเทรดสินค้าที่เวลาทำการขัดกับภารกิจส่วนตัว เช่น การรับลูก หรือเวลาพักผ่อน
• หลีกเลี่ยงการเทรดสินค้าในทุกตลาดพร้อม ๆ กัน การเทรดหลายสินค้าพร้อมกันอาจทำให้สับสนได้
• แบ่งเวลาทำงาน (เทรด) และเวลาครอบครัวให้ชัดเจน แม้จะอยากได้กำไร แต่การเทรดตลอดเวลาทำให้ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ตัวเอง พักผ่อน และออกกำลังกาย ควรใช้เวลาช่วงที่ไม่เทรดทำกิจกรรมอื่น ๆ และใช้เวลากับครอบครัว
• อย่าลืมพักผ่อน โดยเฉพาะผู้ที่เทรดตลาดต่างประเทศ ซึ่งอาจต้องอยู่ดึกเพื่อติดตามข่าวสาร การพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

3. การบริหารความเครียด

• ยอมรับว่าการขาดทุนบางครั้งเป็นส่วนหนึ่งของระบบเทรด ไม่มีระบบเทรดที่ถูกต้อง 100% ตลอดเวลา การคาดหวังกำไรทุกครั้ง ทำให้เกิดความเครียดสะสม มองว่าการขาดทุน/ตัดขาดทุนเป็นเรื่องปกติ และเชื่อมั่นว่าระบบที่ดีในระยะยาวจะยังคงทำกำไรได้
• หาเทคนิคผ่อนคลายต่าง ๆ เช่น นั่งสมาธิ ฟังเพลง เพื่อคลายความเครียดจากการตัดสินใจบ่อย ๆ และจ้องหน้าจอนาน ๆ
• มีกิจกรรมนอกเหนือจากการเทรด เช่น ท่องเที่ยว เล่นกีฬา การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายหลั่งสารที่ทำให้ผ่อนคลาย และเหมือนเป็นการรีเซ็ตตัวเองอีกด้วย
• หลีกเลี่ยงการเทรดเมื่ออารมณ์ไม่นิ่ง สภาวะจิตใจไม่ปกติส่งผลต่อการตัดสินใจที่ผิดพลาด
• พูดคุยกับเพื่อนเทรดเดอร์หรือคนในอาชีพเดียวกันบ้าง เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและไอเดีย

4. การบริหารสุขภาพ

• ตรวจสุขภาพประจำปี อย่างน้อยปีละครั้ง หรือ 1-2 ปีต่อครั้ง
• ระวังโรคที่มากับอาชีพเทรดเดอร์ เช่น Office Syndrome (จากการนั่งนาน), โรคเกี่ยวกับสายตา (จากการจ้องจอ), และโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม (จากการก้มดูจอโทรศัพท์/โน้ตบุ๊ก)
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยให้ร่างกายพร้อมสำหรับการเทรดและแก้ปัญหาโรคต่าง ๆ ได้
• ใช้กฎ 20-20-20 สำหรับพักสายตา ทุก ๆ 20 นาที ให้มองไกลออกไป 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที
• ใช้เก้าอี้ที่เหมาะสมและนั่งในท่าที่ถูกต้อง เพื่อรองรับหลังและป้องกันกระดูกสันหลังคด การนั่งผิดท่าและก้มดูจอทำให้คอรับน้ำหนักมาก ซึ่งส่งผลต่อกระดูกต้นคอได้
• ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายเป็นระยะ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ Full Time Trader
• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะผู้ที่เทรดตลาดต่างประเทศ การพักผ่อนน้อยมีผลเสียต่อสุขภาพ ซึ่งจะกระทบต่อการทำสิ่งอื่น ๆ ตามมา

          โดยสรุป Full Time Trader ต้องมีการบริหารจัดการทั้ง 4 ด้านนี้อย่างมีระบบ เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพนี้ได้อย่างยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ควรมุ่งเน้นเทรดสินค้าที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ 1-2 อย่างก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเทรดทุกตลาด