ไม่ใช่แค่ เงินเฟ้อ ที่ทำให้ชีวิตของคุณจนลง! และ 7 วิธีแก้ปัญหารายได้เพิ่มแต่เงินไม่พอใช้
สาเหตุที่ทำให้หลายคนรู้สึกว่า ชีวิตยากจนหรือเงินไม่เคยพอใช้ แม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นก็ตาม บางครั้ง สาเหตุก็ไม่ได้มาจากแค่เงินเฟ้อหรือปัจจัยภายนอกทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ซึ่งหลายคนมักจะโทษปัจจัยเหล่านี้ เช่น เศรษฐกิจไม่ดี ข้าวของแพงขึ้น หรือมีสินค้าจากจีนเข้ามามาก ทำให้หาเงินยากขึ้น
เงินเฟ้อ คือ ภาวะที่เงินเท่าเดิมแต่ซื้อของได้น้อยลง หรือต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อซื้อของจำนวนเท่าเดิม เงินด้อยค่าลง
อย่างไรก็ตาม สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นแต่เงินเก็บไม่เคยเพิ่มขึ้นนั้น มาจากปัจจัยภายในตัวเราเอง นั่นคือ การใช้จ่ายเกินตัว หรือ การยกระดับคุณภาพชีวิตของตัวเองให้สูงขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีคำศัพท์เฉพาะเรียกว่า Lifestyle Creep หรือ cost of living inflation หมายถึง การที่เรายกระดับค่าใช้จ่ายให้เทียบเคียงกับระดับรายได้ที่สูงขึ้น อยากใช้ชีวิตหรูหรา สะดวกสบายมากขึ้น
ตัวอย่างของการยกระดับคุณภาพชีวิต (Lifestyle Creep) เช่น:
- เคยให้รางวัลตัวเองด้วยการกินหมูกระทะราคาไม่แพง เปลี่ยนเป็นบุฟเฟต์พรีเมียมราคาแพงขึ้น
- เคยพักโรงแรมราคาประหยัดเมื่อไปเที่ยวในประเทศ เปลี่ยนเป็นพักโรงแรมที่มีราคาสูงขึ้น
- เคยขับรถเที่ยวในประเทศ เปลี่ยนเป็นขึ้นเครื่องบินหรือไปเที่ยวต่างประเทศแทน
- เคยใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมทั่วไป เปลี่ยนเป็นแบรนด์เนมหรูหรามากขึ้น
- เคยใช้รถยนต์ญี่ปุ่นทั่วไป เปลี่ยนไปซื้อรถยนต์ EV ระดับสูง
- เคยอยู่ทาวน์เฮาส์ เปลี่ยนไปอยู่บ้านเดี่ยวหรือบ้านที่สร้างเฉพาะเจาะจง
- เคยใช้มือถือทั่วไปที่ใช้งานแค่บางฟังก์ชัน เปลี่ยนไปซื้อมือถือรุ่นท็อปสุด ทั้งที่อาจจะไม่ได้ใช้เต็มประสิทธิภาพก็ตาม
การใช้จ่ายลักษณะนี้เป็นการยกระดับค่าใช้จ่ายให้ทันกับรายได้ และเป็นปัจจัยภายในตัวเราเอง ไม่ได้เกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ การซื้อของเหล่านี้ ส่วนใหญ่มักเกิดจาก Emotional Value คือ อยากได้เพราะอารมณ์พาไป มากกว่า Functional Value คือ ซื้อตามวัตถุประสงค์การใช้งานและความจำเป็น
7 วิธีในการแก้ปัญหา รายได้เพิ่ม แต่เงินไม่เคยพอใช้
- จดบันทึกรายรับรายจ่าย จำเป็นมาก ช่วยให้เรารู้ว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง และวิเคราะห์ได้ว่าค่าใช้จ่ายใดจำเป็นหรือไม่จำเป็น
- ประเมินความจำเป็นก่อนซื้อของทุกครั้ง แยกแยะระหว่างการซื้อด้วยอารมณ์ (Emotional Value) กับการซื้อตามฟังก์ชันการใช้งาน (Functional Value) พยายามหลีกเลี่ยงการซื้อตามอารมณ์
- ให้รางวัลตนเองพอประมาณ ลดความถี่ในการให้รางวัล หรือเลือกสิ่งที่เหมาะสมโดยไม่จำเป็นต้องดีที่สุด
- ใช้โซเชียลมีเดียด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากการเห็นผู้อื่นโพสต์อวดข้าวของหรือไลฟ์สไตล์ อาจส่งผลต่อความอยากใช้จ่ายของเราได้
- ตั้งเป้าหมายทางการเงิน แม้จะไม่ช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยตรง แต่ช่วยสร้างความมุ่งมั่นในการเก็บเงิน เช่น การวางแผนเกษียณ หรือการเก็บเงินให้ลูก จะทำให้เราไม่กล้าใช้เงินมากนัก
- เก็บก่อนใช้ เปลี่ยนสมการจาก เงินออม = รายได้ - รายจ่าย เป็น รายได้ - เงินออม = รายจ่าย คือเมื่อมีรายรับเข้ามา ให้หักส่วนที่จะเก็บออมไว้ก่อน แล้วจึงนำส่วนที่เหลือไปใช้
- เริ่มต้นเก็บทีละนิด ไม่ต้องรอให้มีเงินเยอะ ค่อย ๆ เริ่มเก็บจากส่วนน้อยก่อน เช่น 5% ของรายได้ แล้วค่อย ๆ ขยับเพิ่มเป็น 10% หรือ 15% ในภายหลัง การได้เก็บออม แม้จะน้อยนิด ก็สร้างความรู้สึกที่แตกต่างจากการไม่มีเงินเก็บเลย
ปัญหาการเงินที่รู้สึกว่าแย่ลงแม้รายได้จะเพิ่มขึ้น ไม่ได้มาจากแค่เงินเฟ้อเท่านั้น แต่มาจาก Lifestyle Creep ซึ่งเป็นการใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น อันเป็นปัจจัยภายในตัวเราเอง และพี่แดงได้นำเสนอ 7 วิธีที่เป็นรูปธรรมในการบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคล เพื่อรับมือกับปัญหานี้ การมีความรู้ทางการเงินและการจัดสรรการเงินที่ดีจะช่วยให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายมากขึ้นในอนาคต
0 ความคิดเห็น