Banner_Head

Banner_Post

ความลับของเงินปันผลหุ้น ที่ไม่ได้วัดกันด้วยเปอร์เซ็นต์

 

ความลับของเงินปันผลหุ้น ที่ไม่ได้วัดกันด้วยเปอร์เซ็นต์


ความลับของเงินปันผลหุ้น ที่ไม่ได้วัดกันด้วยเปอร์เซ็นต์

          ในวิดีโอนี้เป็นความรู้ใหม่ในส่วนตัวของพี่แดงเองที่เข้าใจผิดมาตลอดเกี่ยวกับเงินปันผล คิดว่าต้องมีเงินก้อนจำนวนมากถึงจะได้รับเงินปันผลเพียงพอต่อค่าใช้จ่าย มัวแต่มองไปที่เปอร์เซ็นต์ที่ได้รับในแต่ละปี พอได้ตกผลึกแบบนี้ ทำให้นับแต่นี้คงต้องเริ่มต้นศึกษาเรื่องหุ้นปันผลบ้างเสียแล้ว ส่วนเนื้อหาความเข้าใจผิดจะเป็นอย่างไร ฝากติดตามรับชมกันได้เลยครับ

          เนื้อหาแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ แนวทางในการมองหาหุ้นที่ดี และการคำนวณตัวอย่างจริงในหุ้นจริงให้ชมกันครับ


เปิดบัญชีกับ บล.พาย เทรดด้วย MT5


ส่วนที่ 1: กลยุทธ์ในการมองหาและเลือกซื้อหุ้นที่ดี

          การลงทุนตามแนวทางนี้ ไม่ใช่การเก็งกำไร แต่เป็นการซื้อหุ้นที่มีมูลค่าสูงในราคาที่ต่ำลง โดยปัญหาของคนส่วนใหญ่ คือ การมองที่ราคา ไม่ได้มองที่มูลค่าที่จะได้รับ

มี 5 กลยุทธ์ ในการเลือกซื้อหุ้นที่ดีมาแนะนำกันครับ

  1. Margin of Safety (MOS): คือ การหา "ส่วนเผื่อของความปลอดภัย" ซึ่งเป็นหลักคิดจากเบนจามิน เกแฮม หากมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น คือ 100 บาท และราคาตลาดก็ 100 บาทพอดี ก็ยังไม่ควรซื้อ ควรจะรอซื้อในจังหวะที่ราคา 70-80 บาท เพื่อให้มี MOS ประมาณ 20-30% เป็นเบาะรองรับความเสี่ยงหรือการคาดการณ์ผิดพลาด
  2. Dollar Cost Average (DCA): คือ การทยอยซื้อหุ้นเพิ่มตามเวลาด้วยจำนวนเงินที่เท่า ๆ กันเป็นประจำ (เช่น แบ่งเงิน 120,000 บาท ซื้อเดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 12 เดือน) ข้อดี คือ เมื่อหุ้นลงจะได้ซื้อหุ้นในจำนวนที่มากขึ้น และเมื่อหุ้นขึ้นจะได้ซื้อน้อยลง ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยไม่สูงเกินไป วิธีนี้ช่วยสร้างวินัยในการออมและลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะตลาดผิดพลาด
  3. หุ้น Defensive (หุ้นตั้งรับ): คือ ธุรกิจที่ทำสินค้าหรือบริการที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ซึ่งคนยังคงต้องกินต้องใช้ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือแย่ ตัวอย่างกลุ่มธุรกิจ เช่น โรงพยาบาล ค้าปลีก สาธารณูปโภค ธนาคาร อาหาร และเครื่องดื่ม จุดเด่น คือ รายได้และกำไรค่อนข้างมั่นคง สม่ำเสมอ มักจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง และมีความผันผวนต่ำ หุ้นกลุ่มนี้มีภาระหนี้ไม่ค่อยสูง (D/E ต่ำกว่า 1) และราคาหุ้นมักจะลดลงน้อยกว่าหุ้นอื่นเมื่อตลาดลงแรง
  4. Average Down อย่างฉลาด: เป็นการถัวเฉลี่ยหุ้นขาลงในจังหวะที่ดี แตกต่างจาก DCA ตรงที่ไม่ซื้อตามเวลา แต่จะซื้อเมื่อมีสัญญาณหรือจังหวะที่ดีเท่านั้น กลยุทธ์นี้ใช้ได้ผลกับ หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งเท่านั้น หากบริษัทมีปัญหาเชิงโครงสร้าง หนี้สินล้นตัว หรือธุรกิจไม่ทันสมัย ต้องตัดขาดทุนทันที ควรแบ่งเงินเข้าซื้อเป็นหลาย ๆ ไม้ และต้องมั่นใจว่าปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่ถัวเฉลี่ยยังคงแข็งแกร่งและจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
  5. หุ้นห่านทองคำ (Golden Goose): หุ้นปันผลที่สามารถเลี้ยงชีวิตได้ตลอดไป คุณสมบัติ 5 ประการ ได้แก่:
    • จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมออย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป และควรเติบโตอย่างต่อเนื่อง
    • มีอัตราเงินปันผลอยู่ที่ 5-8% ขึ้นไป (สูงกว่าเงินฝากธนาคารหรือตราสารหนี้)
    • ธุรกิจมั่นคง ไม่ขึ้นลงตามวัฏจักรมากเกินไป
    • มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง หนี้สินต่ำ กระแสเงินสดดี
    • ราคาหุ้นมีแนวโน้มเติบโตขึ้นได้ในระยะยาว
    • ตัวอย่างหุ้นปันผลดีในไทย เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า, ธนาคาร, พลังงาน, อสังหา, และบริการสุขภาพ

          สาระสำคัญของการลงทุนระยะยาว คือ การหาหุ้นที่ดีให้เจอ การลงทุน คือ ทักษะ ต้องใช้เวลา ความรู้ และวินัย



ส่วนที่ 2: ความเข้าใจผิดและการคำนวณเงินปันผล

          ตัวอย่างจริง: การลงทุนในหุ้น KTB ย้อนหลัง 5 ปี (เริ่ม 2 พ.ย. 2020):

  • เงินลงทุนเริ่มต้น: 10 ล้านบาท ซื้อที่ราคา 8.65 บาท/หุ้น ได้หุ้นมา 1,156,069 หุ้น
  • เงินปันผลรวม 5 ปี (2020-2024): ได้รับเงินปันผลรวม 4.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 45% เมื่อเทียบกับเงินต้น 10 ล้านบาท
  • มูลค่าปัจจุบันของหุ้น: ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 8.65 บาท เป็น 26 บาท ทำให้มูลค่าปัจจุบันของหุ้นอยู่ที่ 30 ล้านบาท
  • กำไรทั้งหมด: กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น 20 ล้านบาท บวกกับเงินปันผล 4 ล้านบาท รวมเป็น 24 ล้านบาท

          ข้อสังเกตจากตัวอย่าง KTB:

  1. เงินปันผลที่ได้รับ (45% ของเงินต้น) ใกล้จะคืนทุนแล้ว
  2. KTB มีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นทุกปี
  3. การที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นทำให้การลงทุนทำเงินได้มากขึ้นอีก

          ความสำคัญของเงินปันผล "บาทต่อหุ้น": เวลาที่บริษัทจ่ายเงินปันผลเป็นจำนวนบาทต่อหุ้น (เช่น 1.54 บาทต่อหุ้นในปี 2567 สำหรับ KTB) หากนักลงทุนซื้อหุ้นมาในราคาที่ต่ำมาก (เช่น 8.65 บาท) จำนวนเงินปันผลต่อหุ้นนี้จะเทียบเป็นผลตอบแทนที่สูงมากเมื่อเทียบกับต้นทุนแรกเริ่ม (อาจจะประมาณ 10-20% ต่อปี) ซึ่งมากกว่าการคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาหุ้นในปีปัจจุบัน การซื้อหุ้นในราคาถูกในจำนวนมากจะทำให้ได้รับเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ

          ข้อสรุปใหม่ของการลงทุน VI: การลงทุนแบบ VI คือ การเลือกหาหุ้นห่านทองคำและเข้าซื้อหุ้นดีในราคาถูก ช่วงเกิดวิกฤตที่ไม่ได้กระทบพื้นฐานธุรกิจ (เช่น วิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงที่ไม่เกี่ยวข้องกับรูปแบบธุรกิจที่เราลงทุน) แนวคิดนี้แสดงให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่ต้องเลือกหุ้นให้ถูกและมีเงินปันผลเติบโตต่อเนื่อง


เปิดบัญชี บล.บียอนด์ เทรดด้วย TradingView

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

Banner_Post2