มือใหม่ลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำ เริ่มต้นแค่ 1,000 บาท
วิดีโอในวันนี้ พี่แดงชวนมาทำลายกำแพงความคิดที่ว่าการลงทุนเป็นเรื่องของคนรวย ที่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ และจะมาแนะนำวิธีการลงทุนก้าวแรกสำหรับมือใหม่เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินเพียง 1,000 บาท ให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
ปัญหาคลาสสิกของนักลงทุนมือใหม่ ไม่ใช่การไม่มีเงิน แต่ คือ ความกลัว ที่จะขาดทุน เลือกผิด หรือไม่เข้าใจ จนสุดท้ายไม่ได้ลงมือทำ หรือที่เรียกว่า analysis paralysis
ทางแก้ คือ ให้เปลี่ยนมุมมองว่าเงิน 1,000 บาท ไม่ใช่เงินก้อนสุดท้ายในชีวิต แต่เป็น "ค่าเทอม" หรือวิชาการเงินภาคปฏิบัติที่ราคาถูกที่สุดในโลก เพราะเป็นการซื้อประสบการณ์
ก่อนเริ่มลงทุน จะต้องสร้างเกราะป้องกัน 2 ด่านสำคัญ:
- ด่านที่ 1: เงินสำรองฉุกเฉิน เป็นเหมือนถังออกซิเจนของชีวิต มีไว้สำหรับเรื่องไม่คาดฝัน เช่น ตกงาน เจ็บป่วย หรือค่าซ่อมแซมครั้งใหญ่ ควรมีอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน และต้องแยกออกจากเงินลงทุนอย่างชัดเจน
- ด่านที่ 2: เคลียร์หนี้ดอกเบี้ยสูง เช่น หนี้บัตรเครดิตหรือหนี้นอกระบบที่มีดอกเบี้ย 15-20% ต่อปี การนำเงินไปโปะหนี้เหล่านี้ถือเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดและรับประกันได้
เมื่อสร้างเกราะป้องกันพร้อมแล้ว กลยุทธ์การลงทุน 2 ประการที่สำคัญ คือ การกระจายความเสี่ยง (Diversification) และ DCA (Dollar Cost Average)
- การกระจายความเสี่ยง: หลักการ คือ "อย่าใส่ไข่ทุกฟองไว้ในตะกร้าใบเดียว" เพื่อลดความเสี่ยง หากสินทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหา ตัวอื่น ๆ จะช่วยประคองพอร์ตไว้ได้
- DCA (Dollar Cost Average): คือ การลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่า ๆ กันเป็นประจำทุกเดือน โดยไม่สนใจว่าราคาสินทรัพย์จะขึ้นหรือลง ข้อดี คือ ได้ต้นทุนแบบถัวเฉลี่ย หมดปัญหาเรื่องการคาดเดาตลาด และสร้างวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นหัวใจของความสำเร็จระยะยาว
วิธีการ คือ ให้แบ่งเงิน 1,000 บาท ออกเป็น 3 รูปแบบ
-
ผู้รักษาประตู (20% หรือ 200 บาท): เงินฝากดิจิทัลดอกเบี้ยสูง
- บทบาท: รักษาเงินต้นให้ปลอดภัยที่สุด (ความเสี่ยงต่ำที่สุด)
- ลักษณะ: ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป เงินต้นได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย (ปัจจุบัน 1 ล้านบาท) มีความคล่องตัวสูง ถอนใช้ได้ทันที เริ่มต้นง่ายผ่านแอปธนาคาร
- ข้อสังเกต: ดอกเบี้ยที่ได้ยังค่อนข้างน้อย
-
กองกลางจอมขยัน (50% หรือ 500 บาท): กองทุนรวมตราสารหนี้
- บทบาท: สร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและมั่นคง ลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม
- ลักษณะ: เป็นการให้รัฐบาลหรือบริษัทใหญ่กู้ยืมเงินและได้รับดอกเบี้ยตอบแทน มีความเสี่ยงต่ำ (แต่สูงกว่าเงินฝาก) แต่ต่ำกว่าหุ้นมาก ควรเลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่มีเรตติ้งสูง (ตั้งแต่ A ขึ้นไป)
- ข้อดี: สร้างผลตอบแทนได้สม่ำเสมอ สูงกว่าเงินฝาก แต่ไม่ผันผวนเท่าหุ้น เริ่มต้นง่ายผ่านแอปการลงทุน หลายกองทุนเริ่มเพียงแค่ 1 บาทหรือ 500 บาท
- ข้อสังเกต: ผลตอบแทนไม่ได้พุ่งแรงเหมือนหุ้น
-
กองหน้า (30% หรือ 300 บาท): กองทุนรวมดัชนี (Index Fund) เช่น SET50
- บทบาท: สร้างการเติบโตและทำกำไรให้พอร์ต
- ลักษณะ: ลงทุนในหุ้นทั้งตลาด โดยเฉพาะบริษัทที่ใหญ่ที่สุดและแกร่งที่สุดในประเทศ (เช่น 50 บริษัทแรก) บริษัทที่ไม่ดีจะถูกคัดออกและมีบริษัทที่ดีกว่าเข้ามาแทนที่ ทำให้ในระยะยาวมีแต่บริษัทเก่ง ๆ อยู่ในดัชนี
- ข้อดี: ค่าธรรมเนียมไม่แพง เพราะผู้จัดการกองทุนแค่คุมให้ผลงานล้อไปตามตลาด ในระยะยาวตลาดหุ้นจะเติบโตขึ้นตามเศรษฐกิจ
- ข้อสังเกต: มีความเสี่ยงสูงที่สุดในทีม ราคาผันผวนตามตลาดหุ้นรายวัน เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว 5-10 ปีขึ้นไป
สรุปภาพรวมพอร์ต:
แผนนี้เป็น "เกมรับที่เหนียวแน่น" เพราะมีส่วนที่ความเสี่ยงต่ำรวมกันถึง 70% ของพอร์ต และส่วนที่เน้นการเติบโตเพียงแค่ 30% ทำให้พอร์ตโดยรวมมีความเสี่ยงต่ำมาก เหมาะสำหรับมือใหม่
พี่แดงขอย้ำว่า เงิน 1,000 บาทนี้ ไม่ได้ไร้ค่า แต่เป็น "ครู" เป็นอาจารย์ที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เราได้ ความรู้ ในการศึกษาหาข้อมูล การเปิดบัญชี ลองเลือกกองทุน และลองทำความเข้าใจสินทรัพย์ต่าง ๆ เป็นตั๋วใบแรกที่ทรงพลังที่สุดในการสร้างวินัยทางการเงิน เป็นบทเรียนภาคปฏิบัติที่คุ้มค่าที่สุดที่ทำให้เรากล้าเริ่มต้นลงทุน
หัวใจสำคัญ ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงินที่เริ่ม แต่คือ การกล้าเริ่มต้นอย่างถูกวิธี เข้าใจในสิ่งที่ลงทุน และ ความสม่ำเสมอ ในการ DCA ทุกเดือน
0 ความคิดเห็น